วานนี้ (8 กรกฎาคม) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเดินหน้าผลักดันการเร่งถอนกำลังทางทหารของสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานโดยเร็ว ขีดเดดไลน์ 31 สิงหาคมนี้ ชี้ภารกิจของสหรัฐฯ ภายในอัฟกานิสถานสำเร็จลุล่วงแล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจยกระดับขึ้น และเกิดเหตุปะทะกับ กลุ่มตาลีบันในพื้นที่ที่สหรัฐฯ ถือครองตั้งแต่ปี 2001 และกำลังจะถอนกำลังออก
“ภารกิจได้สำเร็จลุล่วงแล้ว หลังจากที่เราจัดการกับ อุซามะห์ บิน ลาดิน และการก่อการร้ายก็ไม่ได้ขยายตัวออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวนี้แล้ว…ที่ปรึกษาด้านการทหารของพวกเราเคยแนะนำให้ผมยุติสงครามในครั้งนี้ ซึ่งเราจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะในบริบทนี้ ความรวดเร็วคือความปลอดภัย”
รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจเข้าร่วมสงครามอัฟกานิสถาน หลังจากที่กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์โจมตีนิวยอร์กและวอชิงตันในปี 2001 ก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจเรื่อยมา และสังหาร อุซามะห์ บิน ลาดิน หัวหน้าอัลกออิดะห์ลงได้เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2011 ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ที่แหล่งกบดานภายในเมืองแอบบอตตาบัดของปากีสถาน ก่อนที่จะเริ่มหันมาใช้กระบวนการเจรจากับกลุ่มตาลีบัน และเริ่มขั้นตอนถอนกำลังทางทหารราว 3,500 นายกลับประเทศ ซึ่งในขณะนี้ดำเนินการไปแล้วกว่า 90%
ไบเดนระบุว่า วิธีการเดียวที่จะสามารถสร้างสันติภาพและความมั่นคงให้เกิดขึ้นในอัฟกานิสถานได้ คือการเจรจาระหว่างรัฐบาลอัฟกันที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก บรรดาผู้นำภายในภูมิภาคและกลุ่มตาลีบัน โดยผู้แทนของรัฐบาลอัฟกันและกลุ่มตาลีบันเริ่มต้นเจรจากันที่กรุงเตหะรานวานนี้ ออกแถลงการณ์ร่วมเห็นพ้อง สงครามไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหาในอัฟกานิสถาน
อีกทั้งไบเดนยังระบุอีกว่า “หลังจากนี้มันขึ้นอยู่ที่ว่า ประชาชนชาวอัฟกันอยากจะมีรัฐบาลแบบไหน ไม่ใช่ให้เราไปกำหนดหน้าตารัฐบาลใหม่ให้พวกเขา” โดยไบเดนไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่คาดการณ์ว่า รัฐบาลอัฟกันจะพ่ายแพ้ให้กับกลุ่มตาลีบัน ภายหลังจากที่สหรัฐฯ ถอนกำลังทางทหารออก ไบเดนระบุว่า ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจอัฟกันกว่า 3 แสนรายได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย อีกทั้งเราจะยังคงเป็นพันธมิตรทางทหารกับอัฟกานิสถาน รวมถึงให้การสนับสนุนปฏิบัติการทางอากาศในกรณีเหตุฉุกเฉิน
“ผมไม่ได้เชื่อในตาลีบัน แต่ผมเชื่อในกำลังความสามารถของทหารอัฟกัน
มีบ้านสำหรับพวกคุณที่สหรัฐอเมริกา หากพวกคุณตัดสินใจเลือกแล้ว พวกเราจะยืนเคียงข้างคุณ ตราบเท่าที่พวกคุณยืนข้างเรา”
ภาพ: Andrew Harnik-Pool / Getty Images
อ้างอิง: