เมื่อวานนี้ (5 กรกฎาคม) กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘หมอไม่ทน’ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ร่วมแสดงพลัง ติดโบดำ สวมเสื้อดำทั้งประเทศ วันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2564 โดยมีรายละเอียดระบุว่า
จากเหตุการณ์เอกสารการประชุมเฉพาะกิจร่วมระหว่างคณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค คณะทํางานวิชาการด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน ซึ่งเป็นการประชุมเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ในมติไม่ได้มีพูดถึงการฉีดวัคซีน Pfizer เพื่อเป็นการกระตุ้นเข็ม 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้า แม้จะได้รับวัคซีนครบแล้วแต่ยังมีการติดเชื้อโควิดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นประชาชนส่วนมากยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มแรก
หมอไม่ทนจึงขอเชิญชวนทั้งประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ร่วมสวมเสื้อดำ ติดโบดำ ในวันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2564 เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต ผู้ที่ติดเชื้อโควิด และผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด และยื่นข้อเรียกร้องต่อ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ดังนี้
- นำเข้าวัคซีน mRNA ให้ได้เร็วที่สุด และนำมาใช้เป็นวัคซีนหลักในการป้องกันการระบาด โดยจะต้องเปิดเผยขั้นตอนการดำเนินการให้ประชาชนได้รับทราบ
- นำวัคซีน mRNA เป็นวัคซีนฉีดกระตุ้นเข็ม 3 แก่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ต้องการฉีดทุกท่าน
- เปิดเผยสัญญาการสั่งซื้อวัคซีน AstraZeneca และ Sinovac รวมถึงวัคซีนอื่นๆ ที่ทางรัฐบาลไทยจะทำสัญญาในอนาคต เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส และพิสูจน์ให้ประชาชนได้ทราบว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาการระบาดอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน
- เปิดเผยบันทึกการประชุมในการประชุมเรื่องวัคซีนและการบริหารจัดการการระบาดโควิดเป็นข้อมูลข่าวสารสาธารณะทั้งหมด
- โควิดสามารถแพร่กระจายผ่านอากาศ การสวม N95 จึงไม่เพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อ รัฐจำเป็นต้องจัดหา FFP3 หรือ N99 เพื่อป้องกันการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์
“ทุกนาทีที่ล่าช้าคือชีวิตของประชาชน เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน พวกเราในฐานะบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนกำลังจับตาดูการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด” ในแถลงการณ์ระบุ