วานนี้ (31 พฤษภาคม) สุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ภายหลังเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักงานศาลยุติธรรมได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ‘คณะทำงานตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินการต่อข้อกล่าวหากรณีภาษีอากรที่เป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์’ รวม 10 คน โดยมี พงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งคณะทำงานชุดนั้นมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบและดำเนินการให้ข้อเท็จจริงเป็นที่กระจ่างแก่สังคมและดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อเรื่องที่มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการสอบสวน กรณีภาษีของบริษัทในเครือโตโยต้าในต่างประเทศที่พาดพิงถึงบุคลากรในศาลยุติธรรม ซึ่งคณะทำงานชุดดังกล่าวได้ดำเนินการส่งหนังสือขอข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกประเทศ เช่น หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา สำนักงานกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด เมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง ‘คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง’ 4 คน ประกอบด้วยผู้พิพากษาชั้นฎีกาและชั้นอุทธรณ์ ซึ่งมีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาเป็นประธานกรรมการฯ และมีผู้พิพากษาชั้นศาลฎีกาและชั้นศาลอุทธรณ์เป็นกรรมการ โดยให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนข้อเท็จจริงในชั้นต้น กรณีข้าราชการตุลาการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย พ.ศ. 2544 ออกตามความในมาตรา 68 แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมฯ ให้เสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ให้เสนอความเห็นว่ากรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง หรือไม่มีมูลความผิดทางวินัย หากมีมูลความผิดทางวินัยก็ให้พิจารณาด้วยว่าเป็นความผิดวินัยตามบทมาตราใด และควรได้รับโทษสถานใด เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และหากสอบสวนพบข้อเท็จจริงมีบุคคลอื่นใดเป็นผู้กระทำผิด หรือพบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจากที่ระบุในคำสั่งนี้ ก็ให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้ดำเนินการสอบสวนไปด้วยในคราวเดียวกัน
สุริยัณห์กล่าวย้ำว่า ศาลยุติธรรมจะแสวงหาทุกข้อเท็จจริงและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยจะทำทุกทางพิสูจน์ให้ความจริงปรากฏอย่างชัดเจนโดยเร็วที่สุด หากพบว่าคนของศาลเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นใคร ระดับใด แต่หากไม่เป็นความจริงก็จะเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของทุกท่านกลับคืนมา ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดจะทำให้ประชาชนยังคงความเชื่อมั่นศรัทธาต่อสถาบันศาลยุติธรรมต่อไป
“ระบบการตรวจสอบของศาลยุติธรรมมีความเข้มแข็งและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพตลอดมา หากผู้พิพากษาคนใดมีพฤติการณ์ทุจริต เกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์จะถูกลงโทษอย่างเด็ดขาดเสมอ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้” สุริยัณห์กล่าว
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ