การเดินหน้าเร่งรัดการดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะในฝั่งยุโรปกับสหรัฐฯ ส่งผลให้หลายประเทศ เช่น อิตาลี ไอซ์แลนด์ กรีซ และสเปน ปิดพรมแดนอนุญาตให้คนที่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือได้รับการตรวจยืนยันไม่ติดเชื้อไวรัสสามารถเดินทางข้ามพรมแดนได้อีกครั้ง ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) ก็เห็นชอบที่จะเปิดพรมแดนให้กับนักท่องเที่ยวบางชาติอย่างสหรัฐฯ
คำถามที่ตามมาก็คือ อะไรจะเป็นเอกสารพิสูจน์ยืนยันว่านักเดินทางท่องเที่ยวเหล่านี้ได้รับการฉีดวัคซีนหรือมีสถานะปลอดโควิด-19 100%
คำตอบ ณ เวลานี้ก็คือ โควิด-19 วัคซีนพาสปอร์ต ที่บรรดาสายการบินชั้นนำต่างๆ ทั่วโลกต่างออกตัวแสดงจุดยืนชัดเจนว่ามีความพร้อมและมีระบบรองรับการตรวจสอบวัคซีนพาสปอร์ต เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจด้านความปลอดภัย ทั้งกับตัวนักเดินทาง สายการบิน และประเทศเป้าหมายปลายทาง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งก็อดกังวลกับความน่าเชื่อถือของวัคซีนพาสปอร์ตไม่ได้ เนื่องจากแต่ละประเทศ แต่ละสายการบินในขณะนี้ ไม่มีมาตรฐานในการกำกับดูแลแบบเดียวกัน อีกทั้งยังไม่มีหลักการตรวจสอบข้อมูลที่เป็นสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อวัคซีนพาสปอร์ตเป็นระบบดิจิทัลที่ทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการใช้งาน ก็ยิ่งมีประเด็นเปราะบางอย่างข้อมูลประวัติส่วนบุคคลของนักเดินทางเข้ามาเกี่ยวข้อง
ปัจจุบันมีเอกชนหลายแห่งสร้างแพลตฟอร์มสำหรับวัคซีนพาสปอร์ตขึ้นมาใช้งาน เช่น IBM สร้าง Excelsior Pass ขณะที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายสายการบินเกือบ 300 แห่งทั่วโลก ก็มีดิจิทัลพาสปอร์ตของตนเองเช่นกัน ขณะที่ JetBlue Airways จะประกาศทดลองทดสอบระบบ ดิจิทัลพาสปอร์ตเพิ่มอย่าง CommonPass ภายใต้ความร่วมมือกับ The Commons Project Foundation ด้วยเช่นกัน
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างพยายามพัฒนาระบบวัคซีนพาสปอร์ตของตนเองขึ้นมาใช้งาน ทำให้ประเด็นเรื่องความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของผู้ใช้งานยิ่งเป็นประเด็นที่น่าเป็นกังวลมากขึ้น แต่หากถามว่าวัคซีนพาสปอร์ต จำเป็นต้องมีหรือไม่ หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าอย่างน้อยที่สุดก็จำเป็นสำหรับช่วงเวลานี้ที่การระบาดของโควิด-19 ยังคงมีอยู่
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง: