การประท้วงราคา 200 ล้านปอนด์ เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียว่าที่สปอนเซอร์รายใหญ่จากการลุกฮือของแฟนบอล

การลุกขึ้นต่อสู้ของแฟนทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการขับไล่ครอบครัวเกลเซอร์ เจ้าของสโมสร ให้พ้นไปจากทีมอันเป็นที่รัก เริ่มส่งผลกระทบที่ชัดเจนแล้ว เมื่อว่าที่ผู้สนับสนุนรายใหม่ตัดสินใจขอถอนตัวจากการเจรจา และทำให้ทีมอาจต้องสูญเสียรายได้กว่า 200 ล้านปอนด์

ว่าที่ผู้สนับสนุนรายใหม่และเป็นว่าที่ผู้สนับสนุนรายใหญ่ดังกล่าวคือ The Hut Group (THG) ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อขอซื้อสิทธิ์ในการใช้ชื่อสนามซ้อมและการเป็นสปอนเซอร์บนชุดซ้อมแทนที่ AON สปอนเซอร์ปัจจุบันที่จะหมดสัญญาหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ในวันที่ 30 มิถุนายน 2564

แต่หลังเกิดเหตุการณ์ลุกฮือของแฟนเรดอาร์มีที่บุกไปยังโรงแรมโลวรี ที่พักของนักเตะ และอีกส่วนหนึ่งบุกเข้าสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พอใจกับการที่สโมสรประกาศร่วมก่อตั้งยูโรเปียนซูเปอร์ลีกและการบริหารอย่างเลวร้ายตลอด 16 ปีที่เข้ามาเทคโอเวอร์ทีม จนส่งผลให้เกมบิ๊กแมตช์ที่จะรับมือ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ต้องถูกยกเลิกในวันนั้น และมีการประกาศเลื่อนการแข่งขันมาเป็นวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคมแทน ทำให้ผู้บริหารของ THG ทบทวนเรื่องนี้

ก่อนที่จะมีการตัดสินใจขอถอนตัวจากการเจรจา โดยได้แจ้งต่อ ริชาร์ด อาร์โนลด์ ผู้อำนวยการจัดการของทีมแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

เดิม THG มีแผนที่จะใช้ชื่อสินค้าแบรนด์ Myprotein บนเสื้อชุดซ้อม และใช้เป็นชื่อศูนย์ฝึกของสโมสรที่แคร์ริงตัน โดยมีมูลค่าสัญญาสูงถึง 200 ล้านปอนด์ ในสัญญาระยะเวลา 10 ปีด้วยกัน แต่การลุกฮือของแฟนบอลรวมถึงกระแสต่อต้านที่รุนแรงอย่างมากบนโลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ทำให้แบรนด์ไม่คิดว่าการสนับสนุนในเวลานี้จะเป็นเรื่องที่ดี

การถอนตัวของ THG จึงนับเป็นชัยชนะของแฟนฟุตบอล แม้ว่าจะเป็นผลเสียต่อสโมสรก็ตาม

หลังจากนี้แฟนปีศาจแดงกลุ่ม Manchester United Supporters’ Trust (M.U.S.T.) ได้มีการประกาศเตรียมจะประท้วงในวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม ที่จะพบกับลิเวอร์พูลอีกครั้ง ส่วนบนโลกออนไลน์มีการรณรงค์บอยคอตแบรนด์ที่ให้การสนับสนุนสโมสร เช่น Adidas, TAG Heuer และ Cadbury

แคมเปญดังกล่าวมีชื่อว่า ‘NotAPennyMore’ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกดดันสโมสรผ่านการกดดันแบรนด์ต่างๆ ที่เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงสโมสร เพื่อให้สปอนเซอร์ได้ตระหนักว่า การสนับสนุนสโมสรที่อยู่ใต้การครอบครองของตระกูลเกลเซอร์คือความล้มเหลว

ด้านสปอนเซอร์เองก็มีความผิดหวังต่อการไร้ความสำเร็จของสโมสรเช่นกัน เช่น Chevrolet ที่ขอยกเลิกการเป็นสปอนเซอร์บนอกเสื้อแข่ง และไม่นานนี้มีรายงานข่าวว่าทางด้าน Adidas ผิดหวังกับยอดจำหน่ายเสื้อของแมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งๆ ที่จ่ายเงินสนับสนุนให้มากที่สุดในโลกมากกว่าปีละ 70 ล้านปอนด์

โดยยอดจำหน่ายเสื้อตกลงทุกปี จากปี 2019 ที่จำหน่ายได้ 1.8 ล้านตัว เหลือ 1.7 ล้านตัวในปีล่าสุด ทำให้ยอดจำหน่ายเสื้อทีมแพ้ให้กับคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูลเป็นครั้งแรก โดยทีม ‘หงส์แดง’ เดิมขายเสื้อทีมได้ 1.5 ล้านตัวในปี 2019 และเพิ่มเป็น 1.7 ล้านตัวในปี 2020 และในฤดูกาลปัจจุบันจำหน่ายไปแล้ว 1.95 ล้านตัว

ด้านครอบครัวเกลเซอร์ นำโดย โจเอล เกลเซอร์ ในฐานะประธานสโมสรร่วม ยืนยันว่า มีความยินดีที่จะพบและพูดคุยกับตัวแทนของแฟนฟุตบอล ซึ่งรวมถึงเรื่องของการให้แฟนบอลได้มีสิทธิ์มีเสียงในการกำหนดแนวทางของสโมสรด้วย

ในจดหมายของเกลเซอร์ยังยืนยันว่า สโมสรจะให้การสนับสนุน โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีม ในการเสริมทัพเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสู้ศึกในฤดูกาลหน้า และให้คำสัญญาว่าจะมีการปรับปรุงสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด รวมถึงสนามซ้อมด้วย เพียงแต่ทางด้านกลุ่ม M.U.S.T. ยืนยันว่า สิ่งที่แฟนฟุตบอลต้องการคือการกระทำ ไม่ใช่คำพูด

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นสถานการณ์ที่มีความแหลมคมและเริ่มเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะการถอนตัวของ THG ที่ส่งผลกระทบต่อรายรับของสโมสรอย่างชัดเจน

สิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มแฟนบอลจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรและแค่ไหน และจะนำไปสู่การเจรจาหาทางออกร่วมกันได้หรือไม่

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นผลดีแม้แต่น้อย โดยเฉพาะต่อเหล่าขุนศึกปีศาจแดงในสนาม ที่กำลังทำผลงานได้อย่างร้อนแรงและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังแบบนี้

อ้างอิง: