วานนี้ (3 พฤษภาคม) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลไม่ให้ประกัน ‘ร่อซีกีน-หทัยรัตน์’ 2 ผู้ต้องหาคดี #ม็อบ2พฤษภา ระบุพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีประกอบข้อขัดค้านพนักงานสอบสวน เห็นว่าหากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองไปมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) พหลโยธิน ได้ยื่นคำร้องฝากขังผ่านระบบจอภาพ 2 ผู้ต้องหา คือ ร่อซีกีน นิยมเดชา เเละ หทัยรัตน์ แก้วสีคราม ทั้งคู่อายุ 20 ปี ความผิดฐานร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, เมื่อเจ้าพนักงานส่งให้ผู้มั่วสุมเพื่อกระทำผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไป แต่ผู้กระทำไม่เลิก, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลายทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย, ร่วมกันมั่วสุม หรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดเกิน 20 คนในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาและแจ้งข้อกล่าวหาในเช้าวันเดียวกัน เวลา 07.30 น.
โดยมีเนื้อหาระบุว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เวลาประมาณ 16.55 น. ได้มีกลุ่มมวลชนมารวมตัวกันประมาณ 300 คน เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองที่บริเวณหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามที่ได้มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ ‘เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH’ เชิญชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมทำกิจกรรมดังกล่าว
ซึ่งแม้ว่ามวลชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าวส่วนใหญ่จะได้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า แต่ก็ไม่ได้มีการเว้นระยะที่ห่างกันเกิน 1 เมตรตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่อ (โควิด-19) แต่อย่างใด โดยการทำกิจกรรมดังกล่าวมีการรวมของกลุ่มบุคคลที่มีความแออัดเกิน 20 คนในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อ ตามความใน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ประกอบ พ.ร.บ. โรคติดต่อฯ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการประกาศยุติการจัดกิจกรรมและให้มวลแยกย้ายเดินทางออกจากพื้นที่ แต่ปรากฏว่าได้มีมวลชนบางส่วนยังคงรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณหน้าศาลอาญา
จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. พ.ต.อ. ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.พหลโยธิน ได้ประกาศแจ้งให้มวลชนดังกล่าวยุติกิจกรรมและแยกย้ายเดินทางออกจากพื้นที่โดยหากยังไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการเข้าตรวจสอบ ต่อมาได้มีมวลชนบางส่วนข้ามถนนไปยังบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ซึ่งอยู่ตรงข้ามศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังชุดควบคุมฝูงชนเข้าไปในพื้นที่การจัดกิจกรรมและดำเนินการขอคืนพื้นที่ แต่กลุ่มมวลชนที่รวมตัวกันบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ได้ขว้างปาสิ่งของและวัตถุระเบิด (ระเบิดปิงปอง) เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเป็นเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากพลุหรือวัตถุระเบิดที่กลุ่มมวลชนปาใส่จำนวนหลายนาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจึงได้นำกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์จนกลุ่มมวลชนบริเวณดังกล่าวถอยร่นเข้าไปภายในซอยรัชดาภิเษก 32 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมชุดควบคุมฝูงชนกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาจึงได้เข้าไปดูแลพื้นที่ภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 บริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อกับซอยรัชดาภิเษก 32 ปรากฏว่าเมื่อเดินทางไปถึงได้พบกับกลุ่มมวลชนที่รวมกลุ่มกันในบริเวณดังกล่าวประมาณ 30 คน เมื่อกลุ่มมวลชนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ขว้างปาสิ่งของและวัตถุระเบิด อีกทั้งได้นำไม้เข้ามาทุบทำลายรถยนต์และรถตู้ที่นำกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้ามาในพื้นที่จนได้รับความเสียหาย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพร้อมกับพวกได้ลงมาจากรถยนต์และสามารถตั้งรูปขบวนได้ จึงเข้าทำการกดดันให้กลุ่มมวลชนถอยร่นไป แต่ปรากฏว่ากลุ่มมวลชนบางส่วนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์อ้อมมาที่บริเวณด้านหลังของขบวนและได้เข้าทุบทำลายรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งขบวนเข้ากดดันให้ล่าถอย และติดตามจับกุมอีกครั้งจนมาถึงบริเวณทางขึ้นสะพานข้ามคลองลาดพร้าวภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบร่อซีกีน หทัยรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 1, 2 อยู่ที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจำได้ว่าบุคคลทั้งสองอยู่ในกลุ่มมวลชนที่เข้ามาทุบทำลายและขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ และเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับมวลชนที่รวมตัวกันบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ที่ได้ขว้างปาวัตถุระเบิดหรือพลุเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าควบคุมสถานการณ์จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนาย และอยู่ในกลุ่มมวลชนที่เข้าร่วมการจัดกิจกรรมบริเวณหน้าศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีรถยนต์ 5 คันที่ได้รับความเสียหายจากการถูกกลุ่มมวลชนขว้างปาสิ่งของและเข้าทุบทำลาย
เหตุเกิดที่บริเวณทางขึ้นสะพานข้ามคลองลาดพร้าวภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม จตุจักร กรุงเทพมหานคร ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา การกระทำของผู้ต้องหาทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 138 วรรคหนึ่ง, วรรคสอง, 140 วรรคหนึ่ง, 295 ประกอบมาตรา 289 (2), 215 วรรคหนึ่ง, มาตรา 216 และตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ข้อกำหนดที่ออกตามความมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 22 ข้อ 3 ประกาศกรุงเทพมหานครเรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 25) และ พ.ร.บ. โรคติดต่อฯ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ยื่นคำร้องขอให้ศาลตรวจสอบการจับกุมหนึ่งในเยาวชนที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่ม REDEM ศาลได้ทำการไต่สวนตามที่พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ผู้ร้องขอแล้ว มีคำสั่งว่าให้ออกหมายควบคุมเว้นแต่มีประกัน ต่อมาผู้ปกครองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา โดยให้ทำสัญญาประกันวางหลักประกันจำนวน 10,000 บาท
สำหรับ ‘ภัทร คะชะนา’ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมใน #ม็อบ2พฤษภา ถูกตำรวจ สน.พหลโยธินแจ้งข้อหา พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ซึ่งเจ้าตัวให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะให้การเป็นหนังสือภายในวันที่ 21 พฤษภาคม ก่อนได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 10,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ และนัดอีกครั้งในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ