ในการประชุมคณะรัฐบาลครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศให้เกาหลีเหนือ ภายใต้การนำของคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดรุ่นที่ 3 เป็นรัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายอีกครั้ง หลังจากที่เกาหลีเหนือเคยถูกถอดจากลิสต์นี้เมื่อ 9 ปีก่อนในสมัยรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู. บุช
โดยทรัมป์ยังใช้โอกาสนี้ประณามโครงการทดสอบและพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่เดินหน้าอย่างรวดเร็วในรอบปีที่ผ่านมา และชี้ว่าท่าทีของเกาหลีเหนือไม่ต่างอะไรจากการก่อการร้ายข้ามชาติที่สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่ประชาคมโลก เขายืนยันว่า “การกำหนดให้เกาหลีเหนืออยู่ในลิสต์นี้จะนำไปสู่มาตรการคว่ำบาตรและบทลงโทษต่อเกาหลีเหนือที่เพิ่มมากขึ้น โดยเราจะดำเนินมาตรการกดดันขั้นสูงสุดเพื่อโดดเดี่ยวระบอบที่เป็นอันตรายนี้ให้ได้”
ภายหลังจากที่มีการประกาศโจมตีดังกล่าว นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ญี่ปุ่นเห็นด้วยและพร้อมสนับสนุนการตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการกำหนดให้เกาหลีเหนืออยู่ในลิสต์ของประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายอีกครั้ง”
ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ยอมรับว่า ท่าทีของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นนี้จะนำไปสู่มาตรการกดดันเกาหลีเหนือที่เราได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยคิมจองอึนจะต้องตระหนักให้ได้ว่า หนทางเดียวที่จะทำให้เกาหลีเหนือมั่นคงและมีความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในอนาคตคือจะต้องละทิ้งการพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่ผิดกฎหมายนี้ซะ รวมถึงยุติท่าทีหรือสนับสนุนการก่อการร้ายและเปิดประตูเข้าร่วมเวทีของประชาคมโลกอีกครั้ง
โดยเกาหลีเหนือจะถูกจัดให้อยู่ในลิสต์ร่วมกับอีก 3 ประเทศ ได้แก่ อิหร่าน ซูดาน และซีเรีย ที่มีลักษณะคล้ายรัฐล้มเหลว และสนับสนุนการก่อการร้ายข้ามชาติ ซึ่งลิสต์นี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามดุลยพินิจของประธานาธิบดี โดยบารัก โอบามา เคยถอดคิวบาออกจากลิสต์นี้เมื่อปี 2015 และจอร์ช ดับเบิลยู. บุช เคยถอดลิเบีย (2006) และอิรัก (2004) มาแล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศต่อประเทศที่ถูกกำหนดให้อยู่ในลิสต์โดยตรง
Photo: AFP
อ้างอิง: