วันนี้ (28 เมษายน) ที่กระทรวงสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าว ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ผ่าน Line Official Account ‘หมอพร้อม’
ดร.สาธิตกล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าคนไทยทั้งประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึงทุกคน เพื่อควบคุมโรค สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยในระยะแรกมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วย ทั้งภาครัฐและเอกชน รวม 3.8 ล้านคน ปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงขณะนี้ฉีดครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด รวมกว่า 1.2 ล้านโดส มีผู้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วกว่า 1 ล้านคน และรับวัคซีนครบ 2 เข็มอีกกว่า 2 แสนคน
ดร.สาธิตกล่าวต่อไปว่า ระยะที่ 2 จะมีวัคซีนล็อตใหญ่ของ AstraZeneca และเริ่มให้บริการฉีดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 โดยเริ่มฉีดให้แก่ประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 11.7 ล้านคน และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวน 4.3 ล้านคน ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน รวมทั้ง 2 กลุ่ม 16 ล้านคน 16 ล้านโดส เพื่อลดความรุนแรงของโรคในกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตสูง โดยเปิดให้ทั้ง 2 กลุ่มนี้ลงทะเบียนแสดงความประสงค์รับวัคซีนโควิด-19 เพื่อจัดลำดับนัดหมายผ่านไลน์ ‘หมอพร้อม’ เวอร์ชัน 2 ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 หรือติดต่อนัดหมายที่โรงพยาบาลใกล้บ้านที่มีประวัติการรักษา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)/อสม.ในพื้นที่ เริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคมนี้
สำหรับระยะที่ 3 จะฉีดให้ประชาชนที่มีอายุ 18-59 ปี จำนวน 31 ล้านคน เพื่อฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ลงทะเบียนนัดหมายรับการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และเริ่มฉีดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
“ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขได้จัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ฉีดให้คนไทยทุกคนภายในปี 2564 นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมการป้องกันควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพ และช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดการเสียชีวิต” ดร.สาธิตกล่าว
นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ทุกโรงพยาบาลที่ดูแลกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังได้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบหมอพร้อมแล้ว โดยวันนี้ได้อัปเดตไลน์ ‘หมอพร้อม’ เป็นเวอร์ชัน 2 เพิ่มฟังก์ชันการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ทั้ง 2 กลุ่มลงทะเบียน เลือกโรงพยาบาล นัดหมายวันเวลารับการฉีดวัคซีน ซึ่งประชาชนทำได้โดยการเพิ่มเพื่อน (Add Friend) ไลน์หมอพร้อม ลงทะเบียนการใช้งาน กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลักให้ถูกต้อง หากมีข้อมูลในระบบแล้วให้ใส่เบอร์โทรศัพท์และกดบันทึก หากไม่มีข้อมูลในระบบให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและกดบันทึก จะมีข้อความแจ้งยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ จากนั้นกดเมนูจองฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อลงทะเบียนการฉีดวัคซีน นัดวันและเวลาฉีดวัคซีนที่สะดวก
หากต้องการลงทะเบียนแทนบุคคลในครอบครัวให้กด ‘เพิ่มบุคคลอื่น’ ที่เมนู ‘แก้ไขข้อมูลส่วนตัว’ ซึ่งสามารถเพิ่มได้ไม่จำกัด แล้วค่อยเข้าเมนูจองฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อไป หากไม่สะดวกมาในวันนัดหมาย มีฟังก์ชันเปลี่ยนการนัดหมายการฉีดวัคซีนใหม่ด้วย หากมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ ‘หมอพร้อม’ สอบถามได้ที่ 1422 หรือ 0 2792 2333
ทั้งนี้ก่อนฉีดวัคซีน 1 วันจะมีข้อความแจ้งเตือนให้มารับวัคซีนตามนัด ฉีดวัคซีนแล้วจะได้รับข้อความยืนยันการรับวัคซีน รวมถึงจะมีการส่งแบบประเมินอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีน 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน ส่วนวัคซีนเข็มที่ 2 ระบบจะดำเนินการแบบเดียวกัน และมีการออกใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มด้วย อย่างไรก็ตามหากไม่สะดวกในการลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านไลน์หมอพร้อม สามารถโทรนัดหมายได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือติดต่อ อสม. ภายในหมู่บ้าน
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมสำหรับฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนทั่วประเทศ โดยมีหน่วยบริการฉีดวัคซีนทั้งหมด 1,373 แห่ง ให้บริการฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 3 แสนคน หรือประมาณเดือนละ 10 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดหน่วยบริการวัคซีนนอกโรงพยาบาล ตามเกณฑ์ปฏิบัติของกรมการแพทย์ ซึ่งการฉีดวัคซีนทั้งภายในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาลได้มีการจัดเตรียมสถานที่ในการฉีดวัคซีนไว้ 5 จุด ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีต่อจุด เมื่อฉีดวัคซีนเสร็จต้องรอสังเกตอาการอีก 30 นาที โดยรวมใช้เวลาในการรับวัคซีนประมาณ 35-40 นาที ทำให้การฉีดวัคซีนมีความรวดเร็วและความปลอดภัย ดังนั้น จึงสามารถให้วัคซีนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีและผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค 16 ล้านคนเสร็จสิ้นได้ตามกำหนด
สำหรับการกระจายวัคซีนมีองค์การเภสัชกรรมกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท DKSH ที่มีระบบเก็บรักษาอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน สามารถจัดส่งวัคซีนให้ทุกจังหวัดได้ภายใน 24 ชั่วโมงต่อรอบการขนส่ง ดังนั้น โรงพยาบาลจึงไม่ต้องจัดหาอุปกรณ์เก็บรักษาวัคซีนที่มากเกินความจำเป็น นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาระบบติดตามการกระจายวัคซีนที่สามารถตรวจสอบแหล่งเก็บวัคซีนและสถานการณ์ขนส่งวัคซีนได้แม่นยำ ช่วยควบคุมการกระจายวัคซีนได้อย่างเป็นระบบ ส่วนกรณีการออกหน่วยให้บริการวัคซีน โรงพยาบาลที่ออกหน่วยต้องมีความพร้อมและปฏิบัติตามเกณฑ์ของกรมการแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน
ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในส่วนของกรมควบคุมโรค มีแผนการกระจายวัคซีนเริ่มจาก 6 ล้านโดสในเดือนมิถุนายน และเดือนละประมาณ 10 ล้านโดสในเดือนต่อ ๆ ไป โดยระยะแรกจะฉีดกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตคือกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว โดยได้ออกคู่มือแนวทางการบริหารจัดการให้วัคซีน มีการเตรียมระบบ cold chain ครอบคลุมต้นทางถึงปลายทาง มีการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีด ได้แก่ ไซริงและเข็ม ไว้พร้อม อุปกรณ์และกล่องขนส่งวัคซีน โดยมีการสั่งซื้อไซริงที่ลดการสูญเสียวัคซีน คือ low dead space syringe เพื่อให้สามารถฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้ถึง 11-12 โดส ช่วยทำให้บุคลากรสะดวกและปฏิบัติงานง่ายขึ้น ส่งผลดีเพิ่มจำนวนผู้รับวัคซีนครอบคลุมได้เร็วและมาก ซึ่งการรับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม มีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้อย่างน้อยร้อยละ 60-80 และจะลดโอกาสแพร่เชื้อได้ถึงร้อยละ 50 นอกจากนี้มีระบบการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์โดยคณะผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนและแพทย์สาขาต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อวินิจฉัยและให้ความเห็นสาเหตุการป่วยว่าเกิดจากวัคซีนหรือไม่ ให้เกิดความชัดเจน และดูแลความปลอดภัยของผู้รับวัคซีน เพื่อให้เกิดความมั่นใจในแผนงานของประเทศไทย
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ