ถือเป็นหนึ่งในสุนทรพจน์แห่งปีที่ได้รับการจับตามองจากทั่วโลกมากที่สุด สำหรับการขึ้นกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติ Boao Forum ซึ่งมีสถานะเทียบเท่า World Economic Forum ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา โดยใจความสำคัญของผู้นำจีนในครั้งนี้คือ การเรียกร้องความร่วมมือจากนานาชาติในการยกระดับหลักธรรมาภิบาล และการกำกับดูแลที่เท่าเทียมกันทั่วโลกมากขึ้น ท่ามกลางกระแสต่อต้านจีนของสหรัฐอเมริกาที่กำลังแสวงหาพันธมิตรเพื่อเล่นงานจีน
โดยผู้นำจีนย้ำว่า ความร่วมมือเพื่อเปิดทางสู่โลกเศรษฐกิจเสรีจะเป็นกุญแจสำคัญสู่การฟื้นฟูโลกที่บอบช้ำจากวิกฤตการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงย้ำว่า ความพยายามในการก่อสร้างกำแพงกีดกันหรือแยกนานาประเทศออกจากกันขัดต่อระเบียบหลักการด้านเศรษฐกิจและการตลาด ซึ่งจะเป็นอันตรายและไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์แม้เพียงฝ่ายเดียว
ทั้งนี้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงระบุอีกว่า ทั่วโลกจะต้องไม่ยินยอมให้ประเทศเพียงไม่กี่ประเทศเป็นผู้ก่อตั้งกฎคว่ำบาตรประเทศอื่นๆ ตลอดจนไม่ควรถูกครอบงำแนวคิดแต่ฝ่ายเดียวของไม่กี่ประเทศ โดยผู้นำจีนเชื่อว่ากิจการระหว่างประเทศควรดำเนินการโดยวิธีการเจรจาพูดคุยบนพื้นฐานที่ทุกประเทศมีสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกัน รวมถึงทุกประเทศควรมีสิทธิ์ตัดสินชะตากรรมของโลกในอนาคต
“ประเทศใหญ่ๆ ควรประพฤติตนให้เหมาะสมกับสถานะของตนและมีความรับผิดชอบมากขึ้น” ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าว
ทั้งนี้แม้ว่าผู้นำจีนจะไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศใดๆ ออกมา แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่าสุนทรพจน์ดังกล่าวของผู้นำจีนเป็นเสมือนการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เชิงตำหนิต่อสหรัฐอเมริกาที่ขับเคลื่อนนโยบายกดดันจีนในช่วงไม่ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชนกลุ่มน้อยซินเจียง-อุยกูร์ หรือการออกมาตรการคว่ำบาตรบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนฐานเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนจนเสี่ยงเป็นภัยคุกคามความมั่นคงปลอดภัยของสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวชัดเจนว่า โลกต้องการความยุติธรรมไม่ใช่อำนาจ และการเข้าไปกร่างหรือยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศอื่นๆ จะไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมใช้โอกาสนี้ยืนยันหนักแน่นว่า จีนไม่ได้ต้องการครอบครองโลก และจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันด้านอาวุธกับใคร
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสีจิ้นผิงยังให้คำมั่นที่จะเปิดตลาดการค้าให้มากขึ้น เดินหน้าสานต่อความร่วมมือในระดับพหุภาคีเพื่อขยายการค้าและการลงทุน และยกเครื่องกฎหมายการลงทุนสำหรับต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการออกกฎระเบียบข้อบังคับที่เอื้อให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในจีน ตลอดจนลดข้อจำกัดสำหรับการขึ้นบัญชีธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน หรือ Negative List
“จีนจะพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยถือหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 5 ประการ และสนับสนุนความสัมพันธ์ใหม่ๆ กับนานาประเทศ และจีนจะทำงานร่วมกันทุกฝ่ายที่เข้าร่วมกับจีนในการสร้างเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 (Belt and Road Initiative)” ผู้นำจีนระบุ
นอกจากการสนับสนุนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเพื่อพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน การผลิต อุตสาหกรรม ข้อมูล และทรัพยากรมนุษย์แล้ว ผู้นำจีนยังเรียกร้องให้ทั่วโลกหันมากระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในหลากหลายด้าน เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชีวการแพทย์ พลังงานสมัยใหม่ วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมกับภาวะโลกร้อน
ขณะเดียวกันสีจิ้นผิงยังให้คำมั่นที่จะผลักดันวัคซีนให้เป็นสินค้าสาธารณะสำหรับทุกประเทศทั่วโลก และจะร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และนานาประเทศในการต่อสู้กับโควิด-19 ทั้งการเพิ่มความพยายามในการทำงานร่วมกัน การแบ่งปันข้อมูล และการปรับปรุงด้านสาธารณสุขการแพทย์ร่วมกับประเทศอื่นๆ
สุนทรพจน์ครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางผู้นำประเทศ ตัวแทนจากหน่วยงานรัฐและภาคธุรกิจที่เข้าร่วมหลายพันคน โดยสื่อหลายสำนักของทางการจีนรายงานว่า หลายประเทศได้แสดงจุดยืนสนับสนุนแนวคิดของจีน โดยเฉพาะการร่วมมือกันในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ วัคซีนโควิด-19 และภาวะโลกร้อน
นอกจากสุนทรพจน์ของผู้นำจีนแล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจจากชาวจีนอย่างมากในขณะนี้ก็คือการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบระบบเบรกในรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของสหรัฐฯ หลังจากมีสตรีชาวจีนผู้หนึ่งปีนขึ้นไปบนหลังคารถเทสลาเพื่อประท้วงระบบเบรกของรถ Tesla
วิดีโอที่ถูกเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันจันทร์ แสดงให้เห็นสตรีผู้หนึ่งบนหลังคารถ Tesla จอดอยู่ในงานแสดงรถยนต์นครเซี่ยงไฮ้ โดยเจ้าตัวสวมเสื้อที่มีข้อความว่า ‘เบรกไม่ทำงาน’ พร้อมตะโกนข้อความซ้ำๆ กล่าวหาถึงความด้อยประสิทธิภาพของระบบเบรกของรถยนต์ Tesla ที่ตนซื้อไป
ล่าสุด สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ทาง Tesla ได้ออกมาประกาศผ่าน Weibo เมื่อวานนี้ว่า บริษัทจะเดินหน้าตรวจสอบข้อร้องเรียนดังกล่าวอย่างละเอียด และขณะนี้ทางบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าผู้นี้เรื่องการคืนรถยนต์ที่ซื้อไป แต่ติดขัดเรื่องการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามที่น่าเชื่อถือ
อ้างอิง: