เกิดอะไรขึ้น:
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงการคำนวณดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้สามารถสะท้อนสภาพตลาดในแนวทางเดียวกันกับสากล รวมถึงเพื่อให้สอดคล้องกับรอบการปรับพอร์ตลงทุนของผู้ใช้ดัชนี โดยจะปรับหลักเกณฑ์การคำนวณจากเดิมที่ใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Full Market Cap.) เปลี่ยนเป็นการใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปรับด้วย Free Float (Free Float Adjusted Market Cap.) ในรอบการคำนวณเดือนมิถุนายนและธันวาคม ทั้งนี้การปรับ Free Float ที่ใช้ในการคำนวณดัชนีรอบใหม่จะปรับเพิ่มหาก Free Float เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากกว่าหรือเท่ากับ 5% ในเดือนมีนาคมและกันยายน (ค่า Free Float ที่จะใช้จะปรับเป็นจำนวนเต็ม 1%)
สำหรับการคำนวณดัชนีแบบใหม่จะเริ่มมีผลครึ่งหนึ่งตามแนวทางต่างประเทศเพื่อลดผลกระทบต่อผู้ลงทุนที่ใช้ดัชนีเป็นตัวชี้วัดและผู้ออกผลิตภัณฑ์อ้าง โดยจะเริ่มใช้กับ SET50 SET100 และ SETHD ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 ส่วนดัชนีอื่นๆ จะทยอยดำเนินการในปี 2565-2566
ความเห็น:
SCBS ได้คำนวณสัดส่วนของหุ้นในดัชนี SET50 SET100 และ SETHD ภายใต้เกณฑ์ใหม่โดยใช้ราคาปิดวันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 เทียบกับการคำนวณแบบเดิมโดยได้ข้อสรุปทั้ง 3 ดัชนี ดังนี้
หุ้นใน SET50 ที่คาดว่ามีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนัก 10 อันดับแรก ได้แก่ BBL, SCB, KBANK, SCC, BDMS, CPALL, INTUCH, CPN, PTT และ TISCO ขณะที่หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสถูกลดน้ำหนัก ได้แก่ AOT, DELTA, OR, GULF, ADVANC, PTTEP, GPSC, AWC, SCGP และ BJC
สำหรับหุ้นใน SET100 ที่คาดว่ามีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนัก 10 อันดับแรก ได้แก่ BBL, SCB, KBANK, SCC, BDMS, CPALL, INTUCH, CPN, PTT และ TISCO ขณะที่หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสถูกลดน้ำหนัก ได้แก่ AOT, DELTA, OR, GULF, ADVANC, PTTEP, GPSC, AWC, SCGP และ BJC ซึ่งหุ้นใน SET100 ที่มีโอกาสถูกปรับเพิ่มหรือลดน้ำหนักค่อนคล้ายกับหุ้นใน SET50
ขณะที่หุ้นใน SETHD ที่คาดว่ามีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนัก 10 อันดับแรก ได้แก่ BBL, SCB, KBANK, SCC, BDMS, CPALL, INTUCH, CPN, TISCO และ PTT ขณะที่หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสถูกลดน้ำหนัก 10 อันดับแรก ได้แก่ PTTEP, PTT, IVL, KTB, PTTGC, BCPG, TPIPP, TTW, TOP และ THANI
จากการคำนวณดัชนีภายใต้เกณฑ์ใหม่พบว่าหุ้นเด่นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการปรับใช้เกณฑ์ใหม่ซึ่งติดอยู่ใน 10 อันดับหุ้นที่มีแนวโน้มถูกเพิ่มน้ำหนักแรกทั้ง 3 ดัชนี ได้แก่ BBL, SCB, KBANK, SCC และ TISCO ขณะที่หุ้นที่ต้องระวังหากมีการปรับใช้เกณฑ์ใหม่ ซึ่งติดอยู่ใน 10 อันดับหุ้นที่มีแนวโน้มถูกลดน้ำหนักทั้ง 3 ดัชนีได้แก่ PTTEP
SCBS คาดว่าการปรับใช้เกณฑ์การคำนวณดัชนีใหม่นี้จะกระทบต่อกองทุน SET50 และ SET100 ที่เป็นกองทุน Passive มากกว่ากองทุน Active จากข้อมูลล่าสุดกองทุน SET50 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 6.37 หมื่นล้านบาท ขณะที่กองทุน SET100 มีมูลค่าเพียง 5-6 พันล้านบาท ซึ่งการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนทุกๆ 1% จะทำให้มีเงินไหลเข้าออกประมาณ 700 ล้านบาท แต่สำหรับนักลงทุนต่างชาติ กองทุน Passive ใช้ดัชนี MSCI Thailand และ FTSE Thailand ซึ่งใช้เกณฑ์ Free Float Adjusted Market Cap. อยู่แล้ว จึงประเมินว่าจะมีผลกระทบจากนักลงทุนต่างชาติอย่างจำกัด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า