วันนี้ (15 มีนาคม) สื่อท้องถิ่นของเมียนมารายงานว่า เกิดเหตุนองเลือดครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีชาวเมียนมาผู้สนับสนุนประชาธิปไตยและต่อต้านรัฐประหารเสียชีวิตจากการใช้กำลังความรุนแรงของกองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มอีกอย่างน้อย 39 รายในวันเดียว (14 มีนาคม) มากสุดนับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมทะลุเกิน 130 ราย มีประชาชนผู้เห็นต่างได้รับบาดเจ็บและถูกจับกุมเป็นจำนวนมาก
โดยหมู่บ้านทางตะวันออกของเมืองย่างกุ้ง มีประชาชนเสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเพียงเด็กผู้หญิงวัย 15 ปี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะและบริเวณช่วงท้องเสียชีวิต ภาพกระหน่ำยิงใส่ร่างที่หมดสติและหายใจรวยรินแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ โดยคณะรัฐประหารได้ยกระดับมาตรการในการปราบปรามผู้ประท้วงทั่วประเทศ ในขณะที่อ้างว่า ‘ใช้กำลังขั้นต่ำ’ เพื่อควบคุมฝูงชนให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย
ชาวเมียนมากำลังเดินหน้าเรียกร้องให้ประชาคมโลกช่วยร่วมต่อสู้กับอำนาจเผด็จการทหารที่กำลังเข่นฆ่าชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง หลังหลายฝ่ายมองว่า การประณามเหตุความรุนแรงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอและไม่ทันท่วงทีกับลมหายใจของประชาชนที่ค่อยๆ ดับหายไปในช่วงเวลานี้ เหตุนองเลือดที่เกิดขึ้นจะสร้างแรงกระเพื่อมและแรงกดดันให้ประเทศมหาอำนาจ รวมถึงกลไกในประชาคมโลก โดยเฉพาะคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ให้เคลื่อนไหวหรือดำเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรมต่อความรุนแรงในเมียนมา
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ชมคลิป: “อย่าทำร้ายผู้ชุมนุม” ซิสเตอร์แอนน์ แม่ชีผู้คุกเข่าอ้อนวอนตำรวจเมียนมา อย่าใช้ความรุนแรง
- ชมคลิป: เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐเข่นฆ่าประชาชน ชาวเมียนมาจึงต้องยืนหยัดเคียงข้างกัน
ภาพ: Stringer / Reuters
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: