Valentino เป็นแบรนด์ลักชัวรีเจ้าแรกที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อชาวเอเชีย หลังจากที่แบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องสำอางเริ่มออกมาจุดประเด็น ไม่ว่าจะเป็น Tommy Hilfiger, Nike, Adidas, Converse และ Benefit
ในโพสต์เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แบรนด์แฟชั่นชื่อดังจากอิตาลีกล่าวพร้อมติดแฮชแท็ก #StopAsianHate ว่า “เราขอต่อต้านความรุนแรงและความอยุติธรรมทุกรูปแบบ พวกเราสนับสนุนกลุ่มชาวเอเชีย และจะยืนหยัดร่วมกันเพื่อส่งเสริมโลกที่เปิดกว้างและยอมรับมากขึ้น” และให้พื้นที่บนโปรไฟล์ของแบรนด์เป็นเว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารทางการของความเคลื่อนไหวทางสังคมดังกล่าว
View this post on Instagram
ส่วน Tommy Hilfiger ที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ระบุถึงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อชาวเอเชีย โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์ความรุนแรงเพิ่มขึ้นมากมาย “เราจะขอใช้แพลตฟอร์มของเราในการสนับสนุนให้ยุติการแบ่งแยก และการเหยียดเชื้อชาติในทุกรูปแบบ”
เช่นเดียวกับ Nike แบรนด์เสื้อผ้าและอุปรณ์กีฬาที่มียอดฟอลโลเวอร์สูงที่สุดในโลกที่ 135 ล้านคน ก็ได้ออกมาช่วยเหลือผ่านโครงการ Until We All Win ควบคู่ไปกับการต่อต้านความรุนแรงทุกเชื้อชาติ ทั้งเอเชีย แอฟริกันอเมริกัน ตะวันออกกลาง และชาวหมู่เกาะแปซิฟิก พร้อมกับดันแฮชแท็ก #StopAsianHate เคียงข้าง #BlackLivesMatter บนโปรไฟล์ของแบรนด์
แต่อย่างไรก็ตาม บัญชีอินสตาแกรมที่คอยเป็นหูเป็นตาให้วงการแฟชั่นอย่าง Diet Prada ได้ตั้งข้อสงสัยในอุตสาหกรรมถึงสาเหตุที่ออกมาเคลื่อนไหวช้ากว่าปกติ หรือยังไม่ออกมาเคลื่อนไหวก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในเครือ LVMH และ Kering ที่หนึ่งในฐานลูกค้าของแบรนด์มากมายมาจากภูมิภาคเอเชีย จนสามารถพยุงให้ยอดขายในปี 2020 กลับมาดีขึ้นได้ และเป็นภูมิภาคที่มีร้านค้าของแบรนด์ตั้งอยู่มากที่สุด รวมไปถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการจัดแคมเปญพิเศษในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่ชาวเอเชียต่างพากันเฉลิมฉลอง และนำยอดขายมหาศาลมาสู่แบรนด์แฟชั่น
ภาพ: Valentino
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: