เพราะเชื่อมั่นว่าในตัวของคนทุกคนมีความเป็นผู้นำ และมีศักยภาพที่พร้อมจะลงมือทำเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จตามที่ตั้งใจ ดอกเตอร์ มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ จึงมักจะมีคำพูดหรือวลีเด็ดที่ช่วยกระตุ้นและให้กำลังใจผู้คนในการที่จะก้าวข้ามความหวาดกลัวต่างๆ อยู่เสมอ
แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้ว แต่ Bernard Banks รองคณบดีแห่ง Leadership Development and Inclusion และศาสตราจารย์ด้านการบริหารจัดการแห่ง Kellogg School of Management มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น กล่าวว่า คำพูดของมาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนีย ร์ยังคงทรงพลังเหมือนเช่นครั้งแรกที่เจ้าตัวได้กล่าวออกมาเสมอ โดย Banks ได้รวบรวม 9 วลีเด็ด ที่ตนเองคาดหวังว่าจะช่วยปลุกและเปลี่ยนใครหลายคนที่กำลังรู้สึกเคว้งคว้างสับสน ให้กลับมามีพลังและเป็นผู้นำในชีวิตของตนอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ก็เป็น 9 วลีเด็ดที่ Banks ระบุว่าสามารถนำมาขัดเกลา เพื่อสร้างภาวะความเป็นผู้นำที่ดีได้
1. “Lightning makes no sound until it strikes.” From Why We Can’t Wait (1964)
“ฟ้าแลบไม่มีเสียง จนกว่ามันจะกระทบอะไรสักอย่างเป็นฟ้าผ่า”
หมายความว่า อย่าละเลยหรือไม่แยแสในสิ่งที่เห็นว่าเป็นเรื่องเลวร้ายแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม อย่ารอจนเกิดเรื่องไม่ดีตามมาภายหลัง ให้ลงมือจัดการเสียแต่เนิ่นๆ และการเห็น รับรู้ แล้วเงียบ โดยคิดว่าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับตนเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับการสมรู้ร่วมคิด
2. “Every man must decide whether he will walk in the light of creative altruism or the darkness of destructive selfishness.” From Three Dimensions of a Complete Life (1960)
“มนุษย์ทุกคนต้องตัดสินใจว่าเขาจะเลือกเดินบนเส้นทางที่สร้างคุณประโยชน์ต่อผู้อื่น หรือจะเลือกเดินบนเส้นทางของความเห็นแก่ตัวที่มีแต่พิษภัย”
โดยสิ่งที่ตัดสินความยืนยาวของชีวิตก็คือมูลค่าและคุณภาพ ดังนั้น การลงมือทำอะไรสักอย่าง ให้ตั้งเป้าหมายทำเพื่อให้เกิดผลดีอะไรสักอย่าง แทนที่ด้วยความละโมบ โดยที่ผลลัพธ์นั้นไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่เสมอไป อาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
3. “We must use time creatively, in the knowledge that the time is always ripe to do right.” From Letter from the Birmingham Jail (1963)
“เราต้องใช้เวลาอย่างสร้างสรรค์ ด้วยความตระหนักรู้ว่ามีเวลาที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ”
โดยคนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าตนเองมีเวลาเหลือเฟือ ทำให้ไม่ลงมือทำหรือจัดการปัญหาทันที ซึ่งความคิดดังกล่าวมักลวงให้คนส่วนใหญ่หาข้ออ้างที่จะไม่ทำ การเห็นความสำคัญของเวลาจะช่วยให้ผลักดันตัวเองและองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุดทุกวินาที ทุกนาที ทุกวัน
4.“The function of education is to teach one to think intensively and to think critically. Intelligence plus character — that is the goal of true education.” From The Purpose of Education (1948)
“หน้าที่ของการศึกษาก็คือการสอนให้คนผู้หนึ่งคิดค้นคว้าและคิดวิเคราะห์ ความชาญฉลาดบวกกับอุปนิสัย – นั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงของการศึกษา”
เพราะปัจจุบันผู้คนอาศัยอยู่ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่ไม่มุมานะในการเรียนรู้สิ่งใหม่ย่อมถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ซึ่งหมายรวมถึงการมีความกล้าที่จะพูดคุยในเรื่องที่ไม่สะดวกใจจะพูด เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นในที่สุด
5. “Life’s most persistent and urgent question is, what are you doing for others?” From Sermon in Montgomery, Alabama (1957)
“คำถามสำคัญเร่งด่วนที่คุณต้องถามตัวเองก็คือ วันนี้คุณทำอะไรเพื่อคนอื่นแล้วหรือยัง”
ทั้งนี้ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการเป็นผู้นำคือ การยินดีรับใช้ช่วยเหลือผู้อื่น และเสริมสร้างคุณค่าในชีวิตของคนอื่น ซึ่งผู้นำมองหาหนทางในการช่วยเหลือสนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชา ถือเป็นอีกหนึ่งบรรทัดฐานที่จะสะท้อนให้เห็นค่านิยมขององค์กรและความสามารถของผู้นำคนนั้นได้
6. “We cannot walk alone.” From I Have a Dream (1963)
“เราไม่สามารถเดินได้เพียงลำพัง”
ภาวะความเป็นผู้นำก็คือความสามารถในการทำงานร่วมกัน ซึ่งความสามารถนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยตัวคนเดียวหรือการนั่งทำงานอยู่บนหอคอย ผู้นำที่แท้จริงไม่เพียงแต่ต้องพยายามทำงานกับทีมงานที่มีความหลากหลายเท่านั้น แต่ต้องเอามุมมองที่เป็นเอกลักษณ์มาใช้ประโยชน์อย่างแท้จริงได้
7. “People fail to get along because they fear each other; they fear each other because they don’t know each other; they don’t know each other because they have not communicated with each other.” From Advice for Living (1958)
“ผู้คนมักพลาดที่จะทำความรู้จักกันเพราะพวกเขาต่างกลัวซึ่งกันและกัน พวกเขาหวาดกลัวกันเพราะไม่รู้จักซึ่งกันและกัน และไม่รู้จักกันเพราะไม่ยอมที่จะสื่อสารพูดคุยกัน”
ความไว้วางใจเป็นรากฐานที่สำคัญของการเป็นผู้นำและการดำเนินการขององค์กร ซึ่งองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของความไว้วางใจคือการเอาใจใส่ โดยสภาวะมั่นคงปลอดภัยทางจิตใจจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้พูดคุยทำความรู้จักกับผู้อื่นอย่างแท้จริง
8. “If you can’t fly, then run. If you can’t run, then walk. If you can’t walk, then crawl. But whatever you do, you have to keep moving forward.” From Speech at Barratt Junior High School in Philadelphia (1967)
“ถ้าคุณบินไม่ได้ จงวิ่ง ถ้าคุณวิ่งไม่ได้ จงเดิน ถ้าคุณเดินไม่ได้ จงคลาน ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม คุณต้องก้าวต่อไปข้างหน้าให้ได้”
ผู้นำที่ดีและองค์กรที่ยอดเยี่ยมไม่ได้วัดจากตัวเลขทางสถิติ ดังนั้น แทนที่จะยอมรับสภาพที่เป็นอยู่และดูว่าองค์กรจะอยู่ได้นานแค่ไหน แต่องค์กรและผู้นำที่ดีจะผลักดันให้ผู้คนก้าวไปข้างหน้า ซึ่งสิ่งนี้ต้องใช้ความอดทนต่อภาวะยากลำบากต่างๆ อย่างมาก
9. “We must believe that a prejudiced mind can be changed, and that man, by the grace of God, can be lifted from the valley of hate to the high mountain of love.” From The Death of Evil Upon the Seashore (1956)
“เราต้องเชื่อมั่นศรัทธาว่าใจที่อคติสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และภายใต้พรแห่งพระเจ้า คนคนนั้นย่อมสามารถที่จะเดินจากหุบเขาแห่งความชิงชังไปสู่ยอดเขาสูงแห่งความรักได้”
คนทุกคนต่างมีความเชื่อมั่นยึดมั่นของตนเอง ความเชื่อบางอย่างก็ดี บางอย่างก็ไม่ ซึ่งอคติและความลำเอียงมักทำให้เกิดการด่วนตัดสินใจในบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้น ผู้นำที่ดีจะไม่ละวางอคติของตนเอง พร้อมยินยอมที่จะวางความเชื่อของตนเองเพื่อหาทางที่จะเข้าใจผู้อื่นอยู่เสมอ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: