เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้ทำพรีวิวผลประกอบการไตรมาส 4/63 และแนวโน้มผลประกอบการปี 2564 ของหุ้นกลุ่มการแพทย์ภายใต้การวิเคราะห์ 4 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG), บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH), บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) และ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มการแพทย์ปรับตัวลง 1.9%MoM นำโดยราคาหุ้น BDMS ปรับตัวลง 2.30%MoM สู่ระดับ 21.20 บาท, ราคาหุ้น CHG ปรับตัวลง 2.26%MoM สู่ระดับ 2.60 บาท, ราคาหุ้น BH ปรับตัวลง 0.78%MoM สู่ระดับ 127.50 บาท และราคาหุ้น BCH ปรับตัวขึ้น 2.14%MoM สู่ระดับ 14.30 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564)
พรีวิวผลประกอบการไตรมาส 4/63 โดย SCBS:
CHG จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35%YoY จากฐานต่ำในไตรมาส 4/62 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทปรับลดรายได้จากบริการประกันสังคม เนื่องจากงบประมาณของประกันสังคมสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ไม่เพียงพอ แต่กลับสู่ระดับปกติในปี 2563 ทั้งนี้หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติของไตรมาส 4/63 จะเพิ่มขึ้น 10%YoY จากรายได้ที่ฟื้นตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิจะลดลง 36%QoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล
BCH จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35%YoY จากฐานต่ำในไตรมาส 4/62 ด้วยเหตุผลเดียวกันกับ CHG แต่กำไรสุทธิจะลดลง 21%QoQ ซึ่งเกิดจากรายได้จากบริการประกันสังคมที่ลดลง เพราะ BCH ได้รับชำระค่าบริการรักษาโรคที่มีภาระเสี่ยงจากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มเติมในไตรมาส 3/63 ซึ่งหากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติของไตรมาส 4/63 ของ BCH จะทรงตัว YoY เนื่องจากรายได้ที่สูงขึ้นจะถูกหักล้างด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงขึ้นจากโรงพยาบาลแห่งใหม่
BDMS จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 อย่างแข็งแกร่งที่ 3.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%YoY และ 65%QoQ ซึ่งหลักๆ มาจากกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน BH จำนวน 1.1 พันล้านบาท หากตัดรายการพิเศษนี้ออกไปจะพบว่ากำไรปกติของไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 22%YoY แต่เพิ่มขึ้น 4%QoQ ซึ่งดีกว่าที่หดตัว 38%YoY ในไตรมาส 3/63 โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่มีแนวโน้มปรับตัวดี
BH จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 279 ล้านบาท ลดลงอย่างมาก 69%YoY ซึ่งเกิดจากรายได้จากการให้บริการผู้ป่วยต่างชาติ (คิดเป็น 65% ของรายได้ทั้งหมดก่อนโควิด-19 ระบาด) ที่ลดลงอย่างมาก และการกลับมาใช้บริการของผู้ป่วยชาวไทยไม่สามารถชดเชยฐานผู้ป่วยชาวต่างชาติที่หายไปได้
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่าแนวโน้มกำไรปี 2564 ของกลุ่มโรงพยาบาลจะเติบโตดีขึ้นจากฐานผู้ป่วยคนไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ขณะที่จำนวนผู้ป่วยต่างชาติจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2564 โดยใช้สมมติฐานว่าจะมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศต่างๆ กลับมาเปิดประเทศโดยไม่มีข้อกำหนดการเดินทาง และผลประกอบการจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2565
สำหรับ BCH และ CHG นั้น SCBS คาดว่ากำไรปี 2564 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 13%YoY และ 14%YoY ตามลำดับ โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากสัดส่วนรายได้ของผู้ป่วยคนไทยที่สูง อีกทั้งยังมีรายได้จากการให้บริการผู้ป่วยประกันสังคม ซึ่งไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากนัก
ขณะที่ BDMS และ BH กำไรปกติของไตรมาส 1/64 จะยังคงลดลง YoY เนื่องจากปริมาณผู้ป่วยต่างชาติที่ชะลอตัวลง ก่อนจะกลับมาเติบโตในไตรมาส 2/64 จากฐานกำไรปกติที่กลับคืนสู่ระดับปกติ และจะฟื้นตัวดีขึ้นต่อในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จึงทำให้ SCBS คาดว่ากำไรตลอดทั้งปี 2564 ของ BDMS และ BH จะเติบโต 29%YoY และ 31%YoY
ข้อมูลเพิ่มเติม:
%QoQ คือเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
%YoY คือเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์