หน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England: PHE) เผยแพร่รายงาน ยืนยันตรวจพบการกลายพันธุ์ใน 11 ตัวอย่างของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.7 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ
การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ดังกล่าว ที่เรียกว่า E484K นั้น พบลักษณะทางพันธุกรรมบางส่วนที่คล้ายกับไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้และบราซิล
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นความน่ากลัวจากการกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ B.1.1.7 ที่รับรู้กันอยู่แล้วว่ามีศักยภาพในการแพร่กระจายเชื้อได้เร็วกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ปกติถึง 70% โดยความกังวลหลักคือ มันอาจเอาตัวรอดจากภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการกระตุ้นของวัคซีนต้านโควิด-19 และยิ่งกว่านั้น อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อซ้ำในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว
“กรณีนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นข่าวดีสำหรับประสิทธิภาพของวัคซีน” โจเซฟ ฟอเวอร์ ผู้ช่วยนักวิจัยด้านระบาดวิทยาที่ Yale School of Public Health กล่าว พร้อมระบุว่าการค้นพบใหม่นี้ยังเป็นสิ่งที่ทางสหรัฐฯ กำลังเฝ้าจับตามอง
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่ายังเร็วไปที่จะคาดการณ์ว่า กรณีการกลายพันธุ์ที่พบนี้จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งในอังกฤษและทั่วโลก
แต่สิ่งที่อาจสร้างความกังวลคือข้อมูลจากบางงานวิจัยชี้ว่า ไวรัสกลายพันธุ์แบบ E484K นั้นอาจอยู่เบื้องหลังที่ทำให้วัคซีนต้านโควิด-19 หลายตัวมีประสิทธิภาพน้อยลงในแอฟริกาใต้
โดย Novavax ประกาศผลทดลองวัคซีนในอังกฤษเฟสที่ 3 พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึง 89% แต่ในการทดลองเฟส 2b ที่แอฟริกาใต้ พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพราว 60% เช่นเดียวกับ Johnson & Johnson ที่มีผลทดลองในสหรัฐฯ ราว 72% แต่ผลทดลองในแอฟริกาใต้ลดลงเหลือเพียงประมาณ 57% และในการทดลองของวัคซีนทั้ง 2 บริษัท พบการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.351 ซึ่งปรากฏการกลายพันธุ์แบบ E484K
ขณะที่ผลการวิจัยจากห้องปฏิบัติการ แสดงให้เห็นหลักฐานขั้นต้นที่ชี้ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษที่เกิดการกลายพันธุ์จะสามารถรอดพ้นจากภูมิคุ้มกันได้ เนื่องจากแอนติบอดีหรือสารภูมิต้านทานไม่สามารถจับโปรตีนหนามที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของไวรัสได้
ซึ่งในผลวิจัยล่าสุดยังพบว่า แอนติบอดีของผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วนั้นมีประสิทธิภาพในการต้านทานเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สังเคราะห์ขึ้น โดยมีลักษณะพันธุกรรมจากไวรัสสายพันธุ์ B.1.1.7 และมีการกลายพันธุ์แบบ E484K
ด้าน พอล บีเนียส นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์ ชี้ว่าการกลายพันธุ์แบบ E484K นั้นปรากฏขึ้นประปรายในหลายตัวอย่างไวรัสโควิด-19 มานานหลายเดือน แต่ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ว่า ประชาชนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนอยู่ก่อน จะสามารถต้านทานเชื้อไวรัสที่มีการกลายพันธุ์แบบ E484K
สำหรับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.7 นั้น พบครั้งแรกในอังกฤษ ก่อนแพร่กระจายไปมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลกในตอนนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า การตรวจเชื้อเชิงรุกและการปฏิบัติตามแนวทาง รวมทั้งการเปิดตัววัคซีนอย่างรวดเร็วนั้นมีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา เนื่องจากการแพร่กระจายของไวรัสกลายพันธุ์เหล่านี้
“เราจำเป็นต้องให้ผู้คนจำนวนมากได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวก่อนหน้านี้ “แม้ว่าจะมีการป้องกันที่ลดลงสำหรับไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าว แต่ก็มีการป้องกันเพียงพอที่จะช่วยไม่ให้คุณมีอาการป่วยร้ายแรงจากการติดเชื้อจนต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต”
ภาพ: Imilian via ShutterStock
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: