วานนี้ (30 มกราคม) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย
นพ.วิชาญ กล่าวว่าสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังมีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ต่อเนื่อง แต่แนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามียอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นจากกลุ่มก้อนการระบาดขนาดใหญ่ 2 กรณี คือกรณีงานเลี้ยงวันเกิดและพนักงานในร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า อีกทั้งยังพบการติดเชื้อในกลุ่มเพื่อนและเพื่อนสนิทเพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าประชาชนหย่อนมาตรการป้องกันตนเอง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทหรือคนใกล้ชิด จะมีการรับประทานอาหารร่วมกัน พูดคุยเสียงดัง รวมทั้งผู้ที่มีความเสี่ยงแต่ไม่กักตัวเอง ส่งผลให้คนใกล้ชิดติดเชื้อด้วย
โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมืองร่วมกับกรุงเทพมหานคร ทำการปรับเพิ่มมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ เช่น เพิ่มความเร็วในการตรวจจับการระบาด เน้นย้ำทุกหน่วยบริการเพิ่มการเฝ้าระวังในผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจและโรคปอด ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโดยสุ่มตรวจหาการติดเชื้อของแรงงานในโรงงานทุกขนาด รวมถึงค้นหาการติดเชื้อที่อาจซ่อนอยู่ในชุมชน มุ่งเป้าไปที่คนไทยที่มีอาชีพบริการและเสี่ยงต่อการสัมผัสกับแรงงานต่างด้าว เช่น สำนักงานเขต บุคลากรสาธารณสุข ตำรวจ ขสมก. รถโดยสารรับจ้าง วินมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ
“การระบาดเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ไม่ไปในสถานที่เสี่ยง ร่วมกิจกรรมเสี่ยง หรือใกล้ชิดกับผู้ที่มีความเสี่ยง เพราะอาจติดเชื้อและไปแพร่กระจายให้คนใกล้ชิดได้ และหากมีปัจจัยเสี่ยงต้องรีบตรวจพร้อมป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด การสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าคือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เป็นวัคซีนชีวิตที่ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ระลึกเสมอว่าต้องไม่เอาตัวไปเสี่ยงต่อการติดเชื้อเด็ดขาด อย่ารอให้เกิดการลุกลามจนยากจะควบคุม เพราะถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้” นพ.วิชาญกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์