×

Morning Brief I 9 ธันวาคม 2563

09.12.2020
  • LOADING...
Morning Brief I 9 ธันวาคม 2563

HIGHLIGHTS

  • BlackRock เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น 
  • DBS เตือนรับมือ 2 ความเสี่ยงใหญ่ในปีหน้า
  • JD Health เข้าเทรดวันแรกในตลาดหุ้นฮ่องกง ราคาพุ่ง 50%
  • ‘หุ้นเกาหลีใต้’ ร่วงกว่า 1.6% นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังพุ่งต่อเนื่อง 5 วันทำการ 
  • ‘ราคาทองคำ’ ปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

 

 

 

BlackRock เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น 

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเป็น Overweight สำหรับมุมมอง 6-12 เดือนจากนี้ไป โดยให้เหตุผลว่า ปี 2021 จะเริ่มต้นอย่างทรงพลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และเชื่อว่าธนาคารกลางจะยังคงดอกเบี้ยต่ำไปอีกพักใหญ่ 

 

โดยทาง BlackRock ชอบบริษัทสหรัฐฯ ที่มีคุณภาพสูง ในกรณีที่งบกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังไม่เป็นอย่างที่หวัง บริษัทเหล่านี้ก็ยังไปได้ดี กลุ่มเทคโนโลยียังไปได้ดีจากอัตราส่วนกำไรที่สูง ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และการขึ้นภาษีก็เป็นไปได้ยากเนื่องจากสภาแตกแยก กลุ่มอุตสาหกรรมย่อยที่ชอบคือกลุ่มซอฟต์แวร์และเซมิคอนดักเตอร์ 

 

นอกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ BlackRock ก็ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่และตลาดหุ้นในเอเชียแทบทั้งหมด ส่วนประเทศที่ทางบริษัทให้น้ำหนักการลงทุนลดลงคือตลาดหุ้นญี่ปุ่นและยุโรป 

 

DBS เตือนรับมือ 2 ความเสี่ยงใหญ่ในปีหน้า

Piyush Gupta ผู้บริหารสูงสุดของ DBS ธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ได้ออกมาเผยมุมมองว่า กลุ่มธนาคารจะต้องเจอกับความเสี่ยงที่สำคัญ 2 อย่างในปี 2021 

  1. อัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่จะสูงขึ้นหลังจากที่มาตรการช่วยเหลือต่างๆ จะเริ่มลดลง 
  2. ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้อยู่ในระดับต่ำมากเช่นกัน 

 

สำหรับประเทศที่อยู่ในสถานการณ์ที่ดีคือภูมิภาคเอเชียเหนืออย่างจีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจใกล้กลับมาสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดแล้ว

 

JD Health เข้าเทรดวันแรกในตลาดหุ้นฮ่องกง ราคาพุ่ง 50%

ตลาดหุ้นฮ่องกง Hang Seng ลดลง 202.29 จุด หรือ 0.76% ดัชนีของตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นจีน A-Share หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงิน เฮลท์แคร์ และน้ำมันเป็นกลุ่มหลักที่ปรับตัวลดลงแรงกดดันดัชนีเช่นเดียวกับตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันได้ดีจึงช่วยให้ดัชนี Hang Seng ไม่ปรับตัวลดลงแรงมากนัก โดยดัชนี Hang Seng TECH Index เพิ่มขึ้น 140.32 จุด หรือ 1.77% 

 

ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ 

  1. JD Health ได้ซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นวันแรก โดยเป็นบริษัทด้านเฮลท์แคร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตอนนี้ และปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในช่วงเปิดตลาด และปิดที่ระดับ 110 เหรียญ +56% 
  2. แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงได้ประกาศห้ามทานข้าวในร้านอาหารหลัง 18.00 น. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยกล่าวว่า “สถานการณ์ในตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก การแพร่ระบาดมีความซับซ้อนและรุนแรงขึ้นกว่าในรอบก่อนหน้า ผู้ติดเชื้อมีการกระจายในวงกว้างกว่าเดิม”

 

‘หุ้นเกาหลีใต้’ ร่วงกว่า 1.6% นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังพุ่งต่อเนื่อง 5 วันทำการ

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ KOSPI ลดลง 44.51 จุด หรือ 1.62% ดัชนีของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง และเป็นการปรับตัวลดลงเป็นวันแรกหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 5 วันติดต่อกัน 

ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดปรับตัวลดลงมาจาก 

  1. นักลงทุนเริ่มขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อย่าง Samsung Electronics และ SK Hynix 
  2. กลุ่มอื่นๆ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีอย่างกลุ่มยานยนต์และเทคโนโลยีก็ปรับตัวลดลงกันค่อนข้างแรงเช่นกัน 
  3. สถานการณ์การแพร่ระบาดในเกาหลีใต้ยังคงน่าเป็นห่วง โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันล่าสุดอยู่ที่ 594 ราย และคาดว่าจะพุ่งขึ้นมาที่ระดับ 900 รายในสัปดาห์หน้าจากอากาศที่เย็นมากขึ้น 
  4. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมามากที่ 780 ล้านดอลลาร์ กลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้คือกลุ่มบันเทิงและผู้ผลิตแบตเตอรีบางราย นอกนั้นปรับตัวลดลงแทบทั้งหมดโดยเฉพาะกลุ่มเฮลท์แคร์

 

ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ มีการเผยถึงตัวเลขยอดซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ประจำเดือนพฤศจิกายน พบว่านักลงทุนต่างชาติได้ซื้อสุทธิเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันเป็นจำนวน 5.6 พันล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนจากอังกฤษมียอดซื้อสุทธิสูงที่สุดที่ 2,013 ล้านดอลลาร์ รองมาคือนักลงทุนจากสหรัฐฯ ที่ 905 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ระดับ 30.8% โดยนักลงทุนจากสหรัฐฯ เป็นนักลงทุนต่างชาติที่ถือครองหุ้นมากที่สุดที่ระดับ 41.4% จากยอดถือครองของนักลงทุนต่างชาติทั้งหมด

‘ราคาทองคำ’ ปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องมาปิดที่ 1,870 เหรียญ เพิ่มขึ้น 0.43% จากความคาดหวังเชิงบวกต่องบกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังรอบใหม่ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ดัชนี US Dollar Index ปิดที่ 90.96 จุด +0.19%

 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising