BlackRock เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเป็น Overweight สำหรับมุมมอง 6-12 เดือนจากนี้ไป โดยให้เหตุผลว่า ปี 2021 จะเริ่มต้นอย่างทรงพลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และเชื่อว่าธนาคารกลางจะยังคงดอกเบี้ยต่ำไปอีกพักใหญ่
โดยทาง BlackRock ชอบบริษัทสหรัฐฯ ที่มีคุณภาพสูง ในกรณีที่งบกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังไม่เป็นอย่างที่หวัง บริษัทเหล่านี้ก็ยังไปได้ดี กลุ่มเทคโนโลยียังไปได้ดีจากอัตราส่วนกำไรที่สูง ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และการขึ้นภาษีก็เป็นไปได้ยากเนื่องจากสภาแตกแยก กลุ่มอุตสาหกรรมย่อยที่ชอบคือกลุ่มซอฟต์แวร์และเซมิคอนดักเตอร์
นอกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ BlackRock ก็ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่และตลาดหุ้นในเอเชียแทบทั้งหมด ส่วนประเทศที่ทางบริษัทให้น้ำหนักการลงทุนลดลงคือตลาดหุ้นญี่ปุ่นและยุโรป
DBS เตือนรับมือ 2 ความเสี่ยงใหญ่ในปีหน้า
Piyush Gupta ผู้บริหารสูงสุดของ DBS ธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ได้ออกมาเผยมุมมองว่า กลุ่มธนาคารจะต้องเจอกับความเสี่ยงที่สำคัญ 2 อย่างในปี 2021
- อัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่จะสูงขึ้นหลังจากที่มาตรการช่วยเหลือต่างๆ จะเริ่มลดลง
- ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้อยู่ในระดับต่ำมากเช่นกัน
สำหรับประเทศที่อยู่ในสถานการณ์ที่ดีคือภูมิภาคเอเชียเหนืออย่างจีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจใกล้กลับมาสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดแล้ว
JD Health เข้าเทรดวันแรกในตลาดหุ้นฮ่องกง ราคาพุ่ง 50%
ตลาดหุ้นฮ่องกง Hang Seng ลดลง 202.29 จุด หรือ 0.76% ดัชนีของตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นจีน A-Share หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงิน เฮลท์แคร์ และน้ำมันเป็นกลุ่มหลักที่ปรับตัวลดลงแรงกดดันดัชนีเช่นเดียวกับตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันได้ดีจึงช่วยให้ดัชนี Hang Seng ไม่ปรับตัวลดลงแรงมากนัก โดยดัชนี Hang Seng TECH Index เพิ่มขึ้น 140.32 จุด หรือ 1.77%
ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
- JD Health ได้ซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นวันแรก โดยเป็นบริษัทด้านเฮลท์แคร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตอนนี้ และปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในช่วงเปิดตลาด และปิดที่ระดับ 110 เหรียญ +56%
- แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงได้ประกาศห้ามทานข้าวในร้านอาหารหลัง 18.00 น. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยกล่าวว่า “สถานการณ์ในตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก การแพร่ระบาดมีความซับซ้อนและรุนแรงขึ้นกว่าในรอบก่อนหน้า ผู้ติดเชื้อมีการกระจายในวงกว้างกว่าเดิม”
‘หุ้นเกาหลีใต้’ ร่วงกว่า 1.6% นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังพุ่งต่อเนื่อง 5 วันทำการ
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ KOSPI ลดลง 44.51 จุด หรือ 1.62% ดัชนีของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง และเป็นการปรับตัวลดลงเป็นวันแรกหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 5 วันติดต่อกัน
ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดปรับตัวลดลงมาจาก
- นักลงทุนเริ่มขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อย่าง Samsung Electronics และ SK Hynix
- กลุ่มอื่นๆ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีอย่างกลุ่มยานยนต์และเทคโนโลยีก็ปรับตัวลดลงกันค่อนข้างแรงเช่นกัน
- สถานการณ์การแพร่ระบาดในเกาหลีใต้ยังคงน่าเป็นห่วง โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันล่าสุดอยู่ที่ 594 ราย และคาดว่าจะพุ่งขึ้นมาที่ระดับ 900 รายในสัปดาห์หน้าจากอากาศที่เย็นมากขึ้น
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมามากที่ 780 ล้านดอลลาร์ กลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้คือกลุ่มบันเทิงและผู้ผลิตแบตเตอรีบางราย นอกนั้นปรับตัวลดลงแทบทั้งหมดโดยเฉพาะกลุ่มเฮลท์แคร์
ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ มีการเผยถึงตัวเลขยอดซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ประจำเดือนพฤศจิกายน พบว่านักลงทุนต่างชาติได้ซื้อสุทธิเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันเป็นจำนวน 5.6 พันล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนจากอังกฤษมียอดซื้อสุทธิสูงที่สุดที่ 2,013 ล้านดอลลาร์ รองมาคือนักลงทุนจากสหรัฐฯ ที่ 905 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ระดับ 30.8% โดยนักลงทุนจากสหรัฐฯ เป็นนักลงทุนต่างชาติที่ถือครองหุ้นมากที่สุดที่ระดับ 41.4% จากยอดถือครองของนักลงทุนต่างชาติทั้งหมด
‘ราคาทองคำ’ ปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องมาปิดที่ 1,870 เหรียญ เพิ่มขึ้น 0.43% จากความคาดหวังเชิงบวกต่องบกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังรอบใหม่ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ดัชนี US Dollar Index ปิดที่ 90.96 จุด +0.19%
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล