สภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายเปิดทางถอดบริษัทจดทะเบียนจีนออกจากตลาดหุ้น โดยคาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามเร็วๆ นี้ หลังจากวุฒิสภาอนุมัติร่างกฎหมายไปแล้วก่อนหน้า เบื้องต้นจะให้เวลาบริษัทจีนปรับตัวให้สอดคล้องร่างกฎหมาย 3 ปี
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผ่านร่างกฎหมาย ‘Holding Foreign Companies Accountable Act’ ซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกถอดออกจากตลาด นอกจากนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวยังอาจจะทำให้บริษัทจีนจำนวนมากไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือระดมเงินทุนจากนักลงทุนชาวอเมริกันได้ในอนาคต
การผ่านร่างกฎหมายในขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้มีขึ้นหลังจากที่วุฒิสภาได้อนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act ซึ่งเสนอโดยวุฒิสมาชิก จอห์น เคนเนดี แห่งรัฐลุยเซียนา สังกัดพรรครีพับลิกัน กำหนดว่าบริษัทสัญชาติจีนที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นจะต้องไม่ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยรัฐบาลต่างชาติ นอกจากนี้บริษัทสัญชาติจีนจะต้องยื่นรายงานด้านการเงินเพื่อให้คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการบัญชีของบริษัทจดทะเบียน (Public Company Accounting Oversight Board: PCAOB) ทำการตรวจสอบบัญชี โดยคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของบริษัทสหรัฐฯ ทุกแห่งที่ต้องการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
“ร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act จะห้ามไม่ให้บริษัทต่างชาติเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากบริษัทเหล่านั้นไม่สามารถดำเนินการตามกฎข้อบังคับของคณะกรรรมการกำกับดูแลด้านบัญชีของบริษัทจดทะเบียนติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี”
คณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการทบทวนเศรษฐกิจและหลักทรัพย์สหรัฐฯ-จีนเปิดเผยว่า มีบริษัทสัญชาติจีนจำนวน 165 แห่งที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง Alibaba Group Holding, Baidu Inc. และ JD.com ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะถูกถอดออกจากการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากมีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
“สภาผู้แทนราษฎรมีความเห็นที่สอดคล้องกับวุฒิสภาในการปฏิเสธสิ่งที่จะเป็นภัยต่อบริษัทสัญชาติอเมริกัน ผมดีใจมากที่ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีลงนาม” วุฒิสมาชิกเคนเนดีกล่าว
ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวแสดงถึงข้อพิพาทระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งที่ดำเนินมายาวนาน โดยประเด็นก็คือประเทศจีนปฏิเสธที่จะให้คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการบัญชีของบริษัทจดทะเบียนเข้าตรวจสอบ ขณะที่ร่างกฎหมายนี้ตั้งต้นขึ้นจากกรณีฉ้อฉลอันอื้อฉาวของบริษัท Enron Corp. และนำไปสู่การล้มละลายในปี 2001
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ฟางซิงไห่ รองประธานคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน แสดงมุมมองเชิงบวก โดยกล่าวว่า ข้อพิพาทนี้สามารถคลี่คลายได้เมื่อว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เริ่มปฏิบัติหน้าที่ โดยเขามองว่านี่ไม่ใช่ปัญหาที่ยุ่งยาก และสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือต้องดูแลให้บริษัทจีนสามารถเข้าถึงตลาดทุนระหว่างประเทศได้
หน่วยงานกำกับดูแลในทั้งสองประเทศได้ร่วมเจรจาหารือกันอย่างต่อเนื่องอีกครั้งท่ามกลางความขัดแย้งมานานกว่าทศวรรษ โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศต่างมีความคาดหวังว่าจะสามารถคลี่คลายข้อพิพาทนี้ได้ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว โดยจีนมักจะอ้างกฎหมายการรักษาความลับที่เข้มงวดของประเทศจีน ขณะนี้ประเทศอื่นๆ มากกว่า 50 ประเทศอนุญาตให้ PCAOB เข้าตรวจสอบ
แม้ว่า PCAOB จะไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้ บริษัทจีนก็ยังสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้อยู่ เนื่องจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นและปริมาณการทำธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ วาณิชธนกิจ รวมถึงผู้จัดการกองทุน อ้างอิงจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน มีบริษัทมากกว่า 150 แห่งของจีน คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปี 2019 และปีนี้ก็จะมีการเสนอขายหุ้น IPO เพิ่มอีก
ด้านบริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งจดทะเบียนใน NYSE และ Nasdaq ต่างแสดงความกังวลว่า กระแสอาจตีกลับ โดยการตรวจสอบทางบัญชีครั้งใหญ่นี้อาจะทำให้บริษัทย้ายไปเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นประเทศอื่นที่กฎระเบียบยืดหยุ่นกว่า
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: