ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ตัดสินไม่รับคำร้องของทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามขัดขวางไม่ให้ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับการประกาศเป็นผู้ชนะในรัฐเพนซิลเวเนีย
คณะผู้พิพากษา 3 ราย พิจารณาว่า คดีนี้ไม่สมควร เนื่องจากทีมทรัมป์ไม่มีข้อกล่าวหาที่เฉพาะเจาะจง หรือมีหลักฐานพิสูน์การกล่าวหา
คำตัดสินล่าสุดนี้เป็นอีกหนึ่งความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สำหรับทรัมป์ในความพยายามที่จะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (26 พฤศจิกายน) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า เขาจะยอมออกจากทำเนียบขาว หากไบเดนได้รับการประกาศเป็นผู้ชนะจากการโหวตของคณะผู้เลือกตั้ง
แต่ในวันศุกร์ เขากลับมากล่าวอ้างอีกครั้งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการโกงผลการเลือกตั้งอย่างมโหฬาร แต่เป็นการพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานยืนยัน โดยทรัมป์ทวีตว่า “ไบเดนสามารถเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีได้ก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่า คะแนนโหวต 80,000,000 คะแนนของเขาไม่ได้มาจากการโกง หรือได้มาอย่างผิดกฎหมาย”
ศาลอุทธรณ์เขต 3 แห่งสหรัฐฯ (The 3rd Circuit Court of Appeals) ได้รับคำร้องให้พิจารณาคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับคำฟ้องของทีมทรัมป์ ที่พยายามทำให้คะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์หลายล้านคะแนนในรัฐเพนซิลเวเนียเป็นโมฆะ
คำตัดสินของศาลชั้นต้นได้ปูทางให้เพนซิลเวเนีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรัฐสมรภูมิ (Battleground State) ประกาศรับรองไบเดนเป็นผู้ชนะ ซึ่งจะทำให้เขาได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) จำนวน 20 คะแนน ซึ่งนับว่าจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะมีผลทำให้เขาได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่
ผู้พิพากษาสเตฟานอส ไบบาส ระบุในคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า “การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมคือเลือดที่หล่อเลี้ยงประชาธิปไตยของเรา การกล่าวหาเรื่องความไม่ยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องร้ายแรง แต่การกล่าวว่าการเลือกตั้งไม่เป็นธรรมนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
การกล่าวหาจะต้องมีข้อกล่าวหาที่เฉพาะเจาะจงและพิสูจน์ได้ แต่เราไม่มีทั้งสองอย่างนั้น” ผู้พิพากษาไบบาสระบุ โดยไบบาสได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้พิพากษา
หลังรับทราบคำตัดสิน เจนนา เอลลิส ทนายประจำทีมหาเสียงของทรัมป์ ประกาศว่า “เดินหน้าต่อไปยัง SCOTUS!” ซึ่งหมายถึงศาลสูงสุดของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ทีมทรัมป์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลหลายแห่ง โดยกล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้งในหลายรัฐ แต่แทบไม่ประสบความสำเร็จ
ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า ไบเดนชนะทรัมป์ด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้งที่ 306 ต่อ 232 คะแนน ซึ่งผู้ที่ได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งถึงกึ่งหนึ่งหรือ 270 คะแนนก่อน ถือว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง และจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป
เวลางวดเข้ามาทุกขณะ เนื่องจากรัฐต่างๆ มีเวลาจนถึงวันที่ 8 ธันวาคม ในการแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เรียบร้อย ก่อนที่คณะผู้เลือกตั้งจะประชุมร่วมกันในวันที่ 14 ธันวาคม เพื่อประกาศผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ
การปฏิเสธไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของทรัมป์ทำให้กระบวนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมานั้นต้องเสียกระบวน อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อกำหนดว่าทรัมป์ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ก่อน ไบเดนจึงจะสามารถทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ได้
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: