×

วิเคราะห์ ‘กองทุนหุ้นเทค’ ไปต่อหรือพอแค่นี้?

25.11.2020
  • LOADING...
กองทุนหุ้นเทค

การปรับเพิ่มขึ้นของราคา ‘หุ้นเทคโนโลยี’ ทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกาช่วงที่ผ่านมาได้สร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ที่ลงทุนในกองทุนหุ้นเหล่านี้ 

 

แต่เชื่อว่าในเวลานี้ หลายคนอาจมีคำถามว่า หากจะเข้าลงทุนในกองทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าว ยังสามารถลงทุนได้อยู่หรือไม่ …เรื่องนี้ทีมข่าว THE STANDARD WEALTH พาไปสำรวจความเห็นจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญการลงทุน

 

ชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การปรับขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกาช่วงที่ผ่านมาถือว่า สมเหตุสมผล เพราะช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่มเทคโนโลยีมีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไปอย่างมาก การที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับขึ้นมาจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามอยู่ว่า การขึ้นมาของหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะยังสามารถไปต่อได้หรือไม่ เพราะถ้าดูสถิติของกองทุนประเภทต่างๆ ในอดีต กองทุนไหนที่ขึ้นมาเยอะ สักพักก็ชะลอลงไป

 

“ถ้าสนใจลงทุนในกองทุนเทคโนโลยีจริงๆ แนะนำว่าควรเข้าลงทุนในกองทุนโกลบอล อิควิตี้ หรือจะเป็นยูเอส อิควิตี้ ก็ได้ เพราะกองทุนเหล่านี้ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน เพียงแต่สัดส่วนจะน้อยกว่ากองทุนหุ้นเทคโนโลยี เพราะด้วยเกณฑ์ของมอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ชแล้ว กองทุนเทคโนโลยีคือกองทุนที่ต้องลงทุนในหุ้นเหล่านี้อย่างน้อย 50% ขึ้นไป แต่อย่างโกลบอล อิควิตี้หรือยูเอส อิควิตี้ ปกติก็จะลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี แต่มีสัดส่วนราว 20-30% ที่เหลือกระจายลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นๆ ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่า ดังนั้นช่วงไหนที่กลุ่มเทคไม่ดี กองทุนเหล่านี้สามารถโยกไปลงทุนหุ้นอื่นที่กำลังได้รับความสนใจได้ ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่า”

 

สำหรับคนที่สนใจลงทุนในกองทุนเทคโนโลยีจริงๆ ชญานีแนะนำว่า อาจต้องถือลงทุนระยะยาว เพราะการจะหวังให้ผลตอบแทนของกองทุนกลุ่มนี้ปรับเพิ่มขึ้นมากๆ เหมือนช่วงที่ผ่านมาเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว ดังนั้นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนระยะสั้นว่าจะปรับขึ้นมาเร็วๆ คงต้องระมัดระวัง

 

ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า กองทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐอเมริหาเริ่มลดความร้อนแรงลงในระยะนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าผลประกอบการในอนาคตของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีในปีต่อๆ ไปอาจจะไม่เติบโตเท่ากับปีนี้ หลังจากที่หลายบริษัทผู้คิดค้นและผลิตวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งน่าจะส่งผลให้ผู้คนเกิดความคาดหวังว่าจะสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เรื่องของการ Work from Home และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารระยะไกลอาจจะมีความจำเป็นน้อยลง 

 

อย่างไรก็ตาม ในเชิงพื้นฐานด้านผลประกอบการแล้ว เชื่อว่าเทรนด์ของการทำธุรกิจทั่วโลกจะให้ความสำคัญการ Data และเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งจะสะท้อนผลประกอบการแต่ละบริษัทเทคที่น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง 

 

กิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา Nasdaq ปรับเพิ่มขึ้น 30% ซึ่งสะท้อนว่าราคาหุ้นเทคในสหรัฐอเมริกาไม่ได้ถูกนัก แต่หากมองในเชิงการเติบโตแล้ว เชื่อว่าธุรกิจเทคในสหรัฐอเมริกาจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว และพฤติกรรมนักลงทุนในตลาดหุ้นปัจจุบันก็เปลี่ยนไปแล้ว โดยไม่ได้มองแค่ Valuation หุ้นเท่านั้น แต่มองในเชิงปัจจัยพื้นฐานกันมากขึ้น 

 

มณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.วรรณ กล่าวว่า สตอรีของการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนกับยุค Dot Com โดยรอบความสนใจครั้งนี้มีพื้นฐานในเรื่องแนวโน้มผลประกอบการสนับสนุน ซึ่งหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาที่โดดเด่น อาทิ Tesla ก็มีผลประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก และประเมินว่าหุ้นเทคสหรัฐอเมริกาน่าจะมีอัปไซด์อยู่ประมาณ 10% 

 

ทีม BLS Global Investing ของหลักทรัพย์บัวหลวง ได้เพิ่มน้ำหนักลงทุน ETFMG Tech ETF (AWAY) ใน Global ETFs Model Portfolio เนื่องจากมองว่าผลการจากทดลองวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งสัญญาณที่ดีต่อการเริ่มผลิตวัคซีนได้ภายในปีนี้ ซึ่งส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของหุ้นวัฏจักร ทั้งนี้ ETF AWAY เน้นลงทุนในหุ้นเทที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น Booking.com, Expedia ซึ่งอาจมีความเสี่ยงน้อยกว่าการท่องเที่ยวโดยตรง โดยได้ให้น้ำหนักการลงทุนใน ETF AWAY 10% ของพอร์ต และลงทุน 6 เดือน

 

ทั้งนี้ Global ETFs Model Portfolio สร้างผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งพอร์ตเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2562 ที่ 14.7% ในสกุลเงินบาท ชนะดัชนี SET ที่ติดลบ 12.2% ในช่วงเวลาเดียวกัน 

 

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising