ไตรมาส 3/63 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มียอดขายและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า หลังมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลายลง แต่ผลประกอบการ 9 เดือนแรก ยังคงลดลงจากแรงกดดันที่ผ่านมา
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ. จำนวน 697 บริษัท หรือคิดเป็น 94.3% จากทั้งหมด 739 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC บริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 และไตรมาส 3/63 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 พบว่า บจ. ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 483 บริษัท สัดส่วนคิดเป็น 69.3% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/63 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดย บจ. มียอดขายรวม 2.49 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 2.16 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.2% และมีกำไรสุทธิ 1.37 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4% อีกทั้งมีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น คือมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) 23.5% จาก 22.2% มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit Margin) 8.7% จาก 6.5% และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 5.5% จาก 4.8% ซึ่งผลการดำเนินงานของ บจ. สอดคล้องกับรายงานการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (Real GDP Growth Rate) ในไตรมาส 3/63 ที่ 6.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ตามรายงานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
“มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่อนคลาย ช่วยให้ บจ. เกือบทุกหมวดธุรกิจฟื้นตัวดีขึ้น มียอดขายและกำไรสุทธิปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร สินค้าเวชภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่ามี บจ. บางแห่งในหมวดธุรกิจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ได้ขยายไปสู่ธุรกิจด้านดิจิทัล (Digital Platform) การจัดเก็บข้อมูลและจัดการฐานข้อมูลออนไลน์ (Cloud Storage and Data Center) ที่ตอบสนองวิถีชีวิตแบบใหม่ (New Normal) เติบโตได้ดีเช่นกัน สำหรับหมวดธุรกิจควรติดตามใกล้ชิดคือ หมวดธุรกิจด้านการเงิน ซึ่งมีภาระการตั้งสำรองสำหรับหนี้เสียเพิ่มขึ้น และธุรกิจที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น หมวดขนส่ง หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ” แมนพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ผลกระทบของสงครามราคาน้ำมันและโรคระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 บจ. มียอดขายรวม 7.54 ล้านล้านบาท ลดลง 15.1% โดยมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) อยู่ที่ 4.94 แสนล้านบาท ลดลง 28.4% และมีกำไรสุทธิ 3.27 แสนล้านบาท ลดลง 51.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 21.3% เป็น 20.5% มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลักลดลงจาก 8.4% เป็น 5.4% และมีอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 7.8% เป็น 3.7% สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ สิ้นไตรมาส 3/63 บจ. ไทยมีหนี้สินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1.63 เท่า เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1.35 เท่า
ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มียอดขายรวม 1.21 แสนล้านบาท ลดลง 8.5% มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 4.64 พันล้านบาท ลดลง 5.6% และมีกำไรสุทธิ 2.61 พันล้านบาท ลดลง 69.4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์