Financial Times รายงานว่า Unilever ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของโลก ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายประจำปีของผลิตภัณฑ์เนื้อที่ทำจากพืช (Plant-Based Meat) และนมจากพีช เป็น 1 พันล้านยูโร หรือราว 3.6 หมื่นล้านบาท ภายใน 5-7 ปี ตัวเลขดังกล่าวนับว่าก้าวกระโดดอย่างมากเมื่อเทียบกับยอดขาย 200 ล้านยูโร หรือ 7.2 พันล้านบาทที่ Unilever ตั้งไว้ภายในปีนี้
Hanneke Faber ประธานฝ่ายอาหารของ Unilever ซึ่งสร้างยอดขายได้ 1.93 หมื่นล้านยูโร หรือ 6.9 แสนล้านบาท ในปี 2019 ระบุว่า Unilever จะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ เช่น ไอศกรีมที่ปราศจากนมและมายองเนส ตลอดจนอาหารทดแทนเนื้อสัตว์จากถั่วเหลืองและสาหร่าย
“ฉันคิดว่าเราอยู่ในช่วงเริ่มต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งการเติบโตของตลาดยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับตลาดเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมโดยรวม” Faber กล่าว พร้อมกับเสริมว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่มีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ Plant-Based ราว 5% แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตไปถึง 50%
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมประเมินว่า เมื่อยักษ์ใหญ่ข้ามชาติลงมาเล่นในตลาดด้วยกำลังการผลิตและการจัดจำหน่าย อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จากพืชมีราคาถูกลง
ปัจจุบันผู้ผลิตอาหารจากพืชได้ต่อสู้เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดในซูเปอร์มาร์เก็ต และผ่านการผูกสัมพันธ์กับร้านอาหารและเครือข่ายฟาสต์ฟู้ด โดย Burger King เป็นพันธมิตรกับ Impossible Foods ในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ Beyond Meat กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับ McDonald’s ในสหรัฐฯ สำหรับแพลตฟอร์ม McPlant ส่วน Nestlé ได้ป้อนวัตถุดิบสำหรับเบอร์เกอร์จากพืชให้แก่ McDonald’s ในเยอรมนี
สำหรับ Unilever นั้นเปิดกว้างสำหรับการเข้าซื้อกิจการ แต่มุ่งเน้นไปที่การเติบโตแบบออร์แกนิกเป็นหลัก โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์, ไอศกรีมและมายองเนสที่ปราศจากนม แทนที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนนม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดย Danone ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่
มีการประเมินว่า อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืชทั่วโลกจะมีมูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6.3 แสนล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ทดแทนนมจะสูงถึง 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 5.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้วตามรายงานของ Euromonitor
การบริโภคทางเลือกดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 จากข้อมูลของ Nielsen ระบุว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น 61.5% ในสหราชอาณาจักร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 140% ในสหรัฐฯ
กระนั้นหุ้นของ Beyond Meat ได้ลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากรายงานยอดขายในไตรมาสสามที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้มาก เนื้องจากผู้บริโภคลดการซื้อ หลังตุนสินค้าในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ร้านอาหารและเครือข่ายฟาสต์ฟู้ดยังคงประสบปัญหาอยู่
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: