บล.ไทยพาณิชย์ ประเมิน โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ ส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยจำกัด จากนโยบายขึ้นภาษีที่อาจกระทบกำลังซื้อของคนในสหรัฐฯ ส่งผลต่อเนื่องถึงดีมานด์สินค้าจากไทย
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชัดเจนแล้วว่า โจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต วัย 77 ปี เป็นผู้ชนะศึกในครั้งนี้ หลังกวาดคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Votes) เกินกว่า 270 เสียงไปเรียบร้อยแล้ว
การที่สหรัฐฯ มีประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ โจ ไบเดน แม้ว่าจะทำให้บรรยากาศการค้าโลกกลับมาดีขึ้น เนื่องจากนโยบายของไบเดนมีความประนีประนอมมากกว่าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งกรณีดังกล่าวยังส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลกด้วย แต่ทั้งนี้อาจไม่ได้ส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยมากนัก
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) ประเมินว่า ถ้ายุคของไบเดนเหมือนกับยุคของ บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ซึ่งเป็นยุคที่ภาษีสูง การใช้จ่ายสูง การเติบโตลดลง เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวแย่ลงใน 3 ด้านคือ การส่งออกลดลง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สูงขึ้น แต่เงินบาทจะอ่อนค่าลงในยุคของไบเดน เมื่อเทียบกับยุคของทรัมป์
“ด้านนโยบายการค้า เชื่อว่าผลกระทบสุทธิต่อเศรษฐกิจไทยจะมีไม่มากในยุคที่ไบเดนเป็นประธานาธิบดี การขึ้นภาษีในสหรัฐฯ จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกจากไทยชะลอตัวลง แต่จะได้รับการชดเชยบางส่วนจากความแน่นอนมากขึ้นในนโยบายการค้าจากคณะทำงานของไบเดน เมื่อเทียบกับความไม่แน่นอนที่มีสาเหตุจากนโยบายการค้าที่สับสนวุ่นวายของทรัมป์” บทวิเคราะห์ SCBS สรุปไว้
ส่วนการเจรจาการค้าระดับภูมิภาค ทาง SCBS ประเมินว่า เนื่องจากไทยไม่ใช่สมาชิกกลุ่มความร่วมมือที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และไทยไม่น่าจะเข้าร่วมกลุ่มดังกล่าว เพราะรัฐบาลไม่มั่นใจว่าผลประโยชน์จากการเข้าร่วม CPTPP จะมีมากกว่าต้นทุนหรือไม่
SCBS เชื่อว่าไทยจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากความรุดหน้าของกลุ่ม CPTPP นอกจากนี้แนวโน้มที่จะมีการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างสหรัฐฯ กับไทยก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น ดังนั้นไทยจะไม่ได้ทั้งประโยชน์หรือสูญเสียประโยชน์มากนักจากการที่ไบเดนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูรายกลุ่มสินค้าส่งออกของไทยบางอย่าง อาจจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของห่วงโซ่อุปทานจีน ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์อาจจะได้รับผลกระทบจากนโยบายมุ่งเน้นพลังงานสะอาดและรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน
SCBS คาดว่า ในยุคของไบเดน เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 2.7% ต่อปี ในช่วงระหว่างปี 2564-2568 ซึ่งเป็นการเติบโตที่น้อยกว่าในกรณีที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากการขึ้นภาษีตามแคมเปญหาเสียงของไบเดนจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในภาคบริการ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้น ผลกระทบจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ มีจำกัด การที่รัฐบาลซึ่งไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งครองอำนาจเบ็ดเสร็จ อาจจะทำให้ไม่เห็นเม็ดเงินไหลออกจากหุ้นสหรัฐฯ หรือหุ้นเทคจำนวนมากอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งหมายความว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่รวมถึงประเทศไทยจำกัด
“ผู้ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ คือกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มปิโตรเคมี โดยเกิดจาก Overhang ที่ลดลง ในขณะที่ผู้แพ้จากการเลือกตั้งสหรัฐฯ คือกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกัน เนื่องจาก Yield ฟื้นตัวจำกัด และอัตราดอกเบี้ยต่ำ”
โดยสรุปผลการเลือกตั้งกระทบหุ้นไทยไม่มากนัก ผลกระทบที่มีความเป็นไปได้มากสุดคือความต่อเนื่องหรือการขยายของเขตของการเทรดดิ้งระยะสั้น และการ Rotation เช่น หุ้น Small Caps หุ้นมูลค่า และตลาดเกิดใหม่ แต่จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า