×

Dunkin’ และ Baskin-Robbins กำลังเปลี่ยนมือด้วยมูลค่า 3.5 แสนล้าน กลายเป็นหนึ่งในดีลที่ใหญ่สุดในรอบทศวรรษ

04.11.2020
  • LOADING...

หนึ่งในดีลร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในรอบกว่าทศวรรษกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เมื่อมีการรายงานว่า Inspire Brands ซึ่งมีร้านอาหารอยู่ในมืออยู่แล้ว ทั้ง Jimmy John, Arby’s และ Buffalo Wild เป็นต้น กำลังเจรจาเข้าซื้อกิจการกับ Dunkin’ Brands ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Dunkin’ และ Baskin-Robbins ด้วยมูลค่า 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.5 แสนล้านบาทด้วยกัน

 

“แบรนด์ Dunkin’ และ Baskin-Robbins เป็นแบรนด์ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดสองแบรนด์ในโลก” Paul Brown ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Inspire Brands กล่าวพร้อมกับเสริมว่า Inspire จะสามารถเข้าถึงลูกค้าต่างชาติและสมาชิก Loyalty Program ที่มีมากกว่า 15 ล้านคน

 

Inspire Brands เป็นโฮลดิ้งคอมพานีที่ได้รับการสนับสนุนจาก Roark Capital ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ ทำให้ Inspire Brands เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของแดนลุงแซม ทั้งๆ ที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่ถึง 3 ปี โดยมีพนักงานมากกว่า 325,000 คน ทั้งทางตรงและจากแฟรนไชส์ในร้านอาหารมากกว่า 11,000 แห่ง

 

การเข้าซื้อจะทำให้จำนวนร้านอาหารที่ Inspire มีเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จากร้าน Dunkin’ ที่มีอยู่ 12,700 สาขา และร้าน Baskin-Robbins 7,900 สาขา ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด โดยในปีที่ผ่านมามียอดขายกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.4 หมื่นล้านบาท

 

ข้อตกลงดังกล่าวเน้นย้ำถึงโอกาสในการเติบโตของ Dunkin’ Brands และเข้ามาเพิ่มแบรนด์หลักๆ ให้กับ Inspire ในขณะที่การระบาดของโรคได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค และทำให้การเงินของร้านอาหารหลายแห่งตึงเครียด แต่การลงทุนในช่องทางดิจิทัของ Dunkin’ Brands และการขยายตัวนอกเหนือจากอาหารเช้าแบบเดิมๆ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หุ้นของ Dunkin’ Brands เติบโตเหนือบริษัทอื่นๆ ที่กำลังดิ้นรน โดยหุ้น 32% ในปีนี้ รวมถึงเพิ่มขึ้น 12% นับตั้งแต่มีข่าวการเจรจาข้อตกลงเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์

 

ขณะเดียวกันการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผันผวนสำหรับอุตสาหกรรมร้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่เน้นขายอาหารเช้า เนื่องจากการปิดออฟฟิศและทำงานจากที่บ้าน ทำให้ยอดขายในช่วงเช้าลดลง จุดนี้ล้วนสร้างความกดดันให้กับยักษ์ใหญ่อย่าง McDonald’s และ Starbucks ซึ่งต้องดิ้นรนกับยอดขายที่ลดลง

 

ถึงกระนั้น Dunkin’ ยังรายงานผลกำไรและยอดขายที่สูงกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ แม้ว่าในช่วง 3 เดือนที่สิ้นสุดในวันที่ 27 มิถุนายน ยอดขายของ Dunkin’ ในสหรัฐฯ สำหรับร้านที่เปิดทำการอย่างน้อย 1 ปีลดลงเกือบ 19% แต่ 3 เดือนต่อมายอดขายในสาขาเดิมกลับเพิ่มขึ้น 9% โดยสร้างผลกำไร 74 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.3 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นประมาณ 2% จากปีก่อนหน้า ขณะเดียวกันถึงผลงานจะยังเติบโต แต่ด้วยผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ Dunkin’ Brands ตัดสินใจปิด 800 สาขาที่มีประสิทธิภาพต่ำ

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Dunkin’ อยู่ในทิศทางที่ดีกว่าธุรกิจอื่นๆ เป็นเพราะการลงทุนในแอปฯ สั่งซื้อบนมือถือ ซึ่งช่วยเพิ่มตัวเลือกการซื้อแบบไม่ต้องสัมผัส และการขยายตัวในหมวดอาหารกลางวัน ซึ่งดึงดูดให้ลูกค้าเดินเข้าร้านในช่วงบ่ายมากขึ้น 

 

อีกทั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Dunkin’ ยังให้ความสำคัญกับกาแฟ ถึงขนาดที่ในปี 2018 ได้ตัดคำว่า ‘โดนัท’ ออกจากชื่อแบรนด์ ซึ่งตอนนี้ยอดขายมากกว่าครึ่งหนึ่งจากเครื่องดื่ม โดยมีการให้บริการกาแฟมากกว่า 2 พันล้านถ้วยต่อปี

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X