ครม. เห็นชอบปรับเกณฑ์สินเชื่อซอฟต์โลนช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยว เป็นไม่เกิน 100 ล้านบาท จากเดิม 20 ล้านบาท พร้อมขยายเวลาขอสินเชื่อถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มบรรเทาลง รวมไปถึงการดำเนินมาตรการรักษาระดับการบริโภคในประเทศเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ และแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจหลังสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ ส่งผลให้ภาคธุรกิจบางสาขาเริ่มส่งสัญญาณกลับมาฟื้นตัวได้
อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจท่องเที่ยวทั้งที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม และสาขาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงประสบปัญหา
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบการแก้ไขปัญหาข้อติดขัด และขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างทั่วถึง และมีสภาพคล่องที่เพียงพอในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ปรับเพิ่มวงเงินสินเชื่อต่อราย ซอฟต์โลนท่องเที่ยว และที่เกี่ยวเนื่องของธนาคารออมสิน จากเดิมไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย เป็นไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย โดยธนาคารออมสินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงินในอัตรา 0.01% ต่อปี และสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อต่อให้ผู้ประกอบการ ดอกเบี้ย 2% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564
- ขยายขอบเขตคุณสมบัติของผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้โครงการ PGS Soft Loan Plus วงเงิน 57,000 ล้านบาท ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมมาตรการสินเชื่อซอฟต์โลนท่องเที่ยวตามข้อหนึ่ง แต่ยังไม่ได้รับสินเชื่อตามมาตรการดังกล่าว จากเดิมที่ บสย. ค้ำประกันให้เฉพาะกับผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พ.ร.ก. Soft Loan)
ทั้งนี้ บสย. คิดค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกัน 8 ปี โดยเริ่มค้ำประกันในต้นปีที่ 3 นับจากวันที่ผู้ประกอบการแต่ละรายได้รับสินเชื่อ
- ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อซอฟต์โลนออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย วงเงิน 5,000 ล้านบาท ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจท่องเที่ยว และซัพพลายเชนวงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ 5 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี
- ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อ Extra Cash วงเงิน 10,000 ล้านบาท ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ปล่อยสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ขนาดย่อมในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่นๆ ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล วงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้ 5 ปี
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการสายการบิน และส่งผลให้สายการบินสามารถปรับลดค่าโดยสาร ทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลง และตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นจาก 4.726 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร โดยมีผลหลังเวลา 00.00 น. ของวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564
กระทรวงการคลังมั่นใจว่ามาตรการด้านการเงินและมาตรการด้านภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว จะทำให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นไปอย่างทั่วถึงและเพียงพอ และจะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยวและสาขาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตช่วงนี้ไปได้
โดยกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ สำหรับมาตรการด้านการเงิน ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์