วันนี้ (15 ตุลาคม) ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย พิธา ลิ้มเจริญ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และ สมคิด เชื้อคง ส.ส. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาคที่ 1 เพื่อติดตามสถานการณ์และดำเนินการช่วยเหลือแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวจากการสลายการชุมนุมเมื่อคืนที่ผ่านมา
พิธากล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจำนวนหนึ่งจะดำเนินการนำหลักทรัพย์เพื่อช่วยประกันตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ข้างใน ทั้งนี้ ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขอตั้งคำถามถึงความชอบธรรมในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งๆ ที่เมื่อคืน แกนนำได้พยายามลดความตึงเครียดลง และประกาศพร้อมที่จะยุติการชุมนุมลงชั่วคราว แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเช้ามืด
“ตอนนี้ได้ประสานทางทนายความเพื่อเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ถูกคุมตัวในกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 เข้าใจว่ามีผู้ถูกควบคุมตัวมีทั้งสิ้น 23 คน เป็นนักศึกษา 7 คน ซึ่งอยู่ที่นี่ 21 คน โดยจะถูกส่งไปจังหวัดเชียงใหม่ 2 คน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนถึงจำนวนผู้ถูกจับกุมที่แน่ชัด และยังไม่ทราบว่าผู้มีอำนาจได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง สำหรับสถานการณ์ภายในกองบังคับการฯ เวลานี้มีทนาย 4 คน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อจำนวนบุคคลที่ถูกควบคุมตัว ในฐานะ ส.ส. คงต้องดูต่อไปว่าจะสามารถใช้กระบวนการทางรัฐสภาในการช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง” พิธากล่าว
พิธายังกล่าวต่อไปว่า เวลานี้ทุกประเทศต่างจับจ้องมาที่ประเทศไทย ไม่ใช่แค่นักสิทธิมนุษยชน แต่รวมถึงนักลงทุนและภาคธุรกิจ จึงขอฝากไปยังผู้มีอำนาจว่าหากจะตัดสินใจอะไร ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ด้าน ชัยธวัชกล่าวว่า พรรคก้าวไกล ได้ตั้งคำถามถึงความชอบธรรมและเหตุผลในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงว่ามีเหตุผลชอบธรรมเพียงใด การอ้างว่าเกิดจากการชุมนุมที่ไม่สงบของนักศึกษา ไม่น่าจะสอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะจะเห็นได้ว่าตลอดทั้งวันในการชุมนุม มีความอดทนอดกลั้นจากการถูกยั่วยุและใช้แนวทางที่สันติมาโดยตลอด รวมถึงมีการหลีกเลี่ยงเส้นทางไม่ให้กระทบต่อขบวนเสด็จ แต่เรื่องนี้ก็ถูกหยิบยกมาเป็นข้อกล่าวอ้างที่สำคัญเพื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งที่แกนนำได้มีการประสานกับทางตำรวจมาตลอดเพื่อหลีกเลี่ยง และเมื่อถึงเวลาทุกคนก็ไม่ได้เข้าไปขัดขวางขบวน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ควรจะมีความชัดเจนในการจับกุมรวมถึงข้อกล่าวหาด้วย
นอกจากนี้ ชัยธวัชกล่าวต่อด้วยว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้ติดต่อกับ อานนท์ นำภา หนึ่งในผู้นำที่ถูกควบคุมตัว โดยอานนท์ระบุว่า ขณะนี้กำลังจะถูกควบคุมตัวไปยังจังหวัดเชียงใหม่โดยการนั่งเฮลิคอปเตอร์ ทำให้มีความกังวล เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้พาผู้ติดตามและทนายความไปด้วย ทั้งนี้ ชัยธวัชยังตั้งคำถามด้วยว่า การใช้อำนาจที่ไม่มีความชัดเจนของรัฐแบบนี้ก็คือการทำรัฐประหารเงียบใช่หรือไม่
ล่าสุดมี ส.ส. อีกจำนวนหนึ่งเดินทางมาสมทบพร้อมเข้าไปพูดคุยกับทนายความและนักศึกษาที่ถูกจับกุม ส่วนความคืบหน้าเป็นอย่างไรจะรายงานให้ทราบเป็นระยะ