ตั้งแต่แบรนด์ Kitsuné ได้ประกาศว่าจะมาเปิดทั้งร้านเสื้อผ้า Maison Kitsuné และคาเฟ่ขวัญใจหลายคนอย่าง Café Kitsuné ครั้งแรกในประเทศไทยที่ห้างเอ็มควอเทียร์ ข่าวนี้ก็กลายเป็นกระแสทันที และสร้างความตื่นเต้นให้กับสาวกของแบรนด์ดังจากฝรั่งเศส เพราะเมื่อก่อนเราจะเห็นแค่เป็นราวเสื้อผ้าขายวนเวียนอยู่ในหลายมัลติแบรนด์สโตร์ทั่วกรุงเทพฯ แต่ไม่เคยมีร้านเป็นของตัวเองสักที ส่วนตัวคาเฟ่เองก็กลายเป็นที่ที่เหล่าคน Gen Y และ Gen Z ต้องพากันไปเช็กอินและถ่ายรูปลงอินสตาแกรมตอนไปเที่ยวโตเกียวหรือปารีสอยู่เป็นประจำ ซึ่งต่อไปก็ไม่ต้องเดินทางไปไกลเพื่อความปัง ความคูล หรือความอะไรก็แล้วแต่ที่เขาเรียกกัน
ก่อนที่ทางร้านและคาเฟ่จะเปิดอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 1 กันยายนนี้ THE STANDARD POP ได้มีการสัมภาษณ์ในรูปแบบ E-mail Interview สั้นๆ กับสองผู้ก่อตั้ง Kitsuné ทั้ง กิลดาส โลแอ็ค จากประเทศฝรั่งเศส และ มาซายะ คุโรกิ จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจ และเหตุผลที่เลือกกรุงเทพฯ เป็นเมืองล่าสุดที่จะมาเปิดร้านและคาเฟ่
ทำไมคุณคิดว่าเป็นเวลาเหมาะสมที่ Maison Kitsuné และ Café Kitsuné มาเปิดร้านที่กรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ อยู่บนเรดาร์เรามาตลอด และเราก็รักเมืองของคุณ ทั้งบรรยากาศ พลังที่ได้ เรื่องความรุ่มรวยเชิงวัฒนธรรม และแน่นอนในเรื่องอาหาร! จริงๆ แบรนด์เสื้อผ้า Maison Kitsuné มีขายที่ประเทศไทยมานานหลายปีแล้ว และเราเองก็เคยเดินทางมาที่นี่เมื่อสี่ปีก่อนสำหรับโปรเจกต์ Parisien Tour ส่วนสำหรับ Café Kitsuné แม้จะใหม่ในตลาด แต่เราก็ตื่นเต้นที่จะให้คนไทยได้ลิ้มรสกาแฟสูตรพิเศษต่างๆ ของเรา
โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อแบรนด์ Kitsuné บ้างไหม
ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่แปลกใหม่และไม่แนะนำสำหรับทุกคน ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจอย่างเดียว โดยสิ่งแรกที่เราให้ความสำคัญคือความปลอดภัยของพนักงานทั่วโลก ซึ่งเราโชคดีที่ธุรกิจยังเดินหน้าได้ต่อเพราะการขายออนไลน์ ส่วนตอนนี้เราก็เริ่มกลับมาเปิดร้านและคาเฟ่ได้อีกครั้ง แต่ต้องเพิ่มมาตรการต่างๆ และปรับช่วงเวลาทำการ แต่อย่างไรก็ตาม เราขอคิดบวกไว้ก่อนและเดินหน้าไปทีละก้าว
อยากให้เล่าเบื้องหลังความเป็นมาของ Café Kitsuné
Kitsuné เป็นแบรนด์ที่มีหลายมิติ ซึ่ง Café Kitsuné เป็นส่วนของไลฟ์สไตล์ที่เราชื่นชอบและมีแพสชัน โดยเราตั้งใจให้คาเฟ่เป็นสถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยความรู้สึกดีๆ คล้ายกับอยู่บ้าน และเป็นที่ที่คุณมากับเพื่อนและเอ็นจอยกาแฟสักแก้วหนึ่ง
เราเปิดคาเฟ่สาขาแรกที่ย่านอาโอยามะ ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2013 และหนึ่งปีต่อมาที่สวน Palais Royal ในกรุงปารีส หลังจากนั้นพยายามแตกไลน์สินค้าและประสบการณ์ของแบรนด์ Kitsune ไม่ว่าจะมีค็อกเทลบาร์หรือร้านอาหารด้วย ส่วนตัวคาเฟ่เอง นอกเหนือจากโตเกียวและปารีสแล้ว เรายังมีที่นิวยอร์ก โอคายามะ เกียวโต โซล เซี่ยงไฮ้ และล่าสุดกรุงเทพฯ ซึ่ง Café Kitsuné แน่นอนว่าได้ช่วยให้ไลฟ์สไตล์ของเราถูกขยายไปทั่วโลก และเป็นคอมมูนิตี้ที่เติบโตเรื่อยๆ อีกทั้งยังเข้าใจถึงหลักการด้านการใช้ชีวิตของเรา นั่นคือคุณภาพและความ Authentic ที่สำคัญมากในช่วงนี้
ทำไม Kitsuné ต้องเปิดคาเฟ่ และคิดว่าทำไมแบรนด์อื่นๆ ถึงนิยมทำกันช่วงนี้
สำหรับเรามันเกี่ยวกับแพสชันล้วนๆ ตั้งแต่เราเริ่มทำแบรนด์ Kitsuné มา 18 ปี เราก็แค่อยากมีความสุขกับสิ่งที่เราทำทุกวัน เราชอบพูดว่าแบรนด์เราสะท้อนตัวตนของเรา ไม่ว่าจะแฟชั่น ดนตรี ต่อมาก็คาเฟ่ บาร์ และร้านอาหาร แต่เราอยากให้แบรนด์เราเรียบง่าย ไม่ปิดกั้น และให้ความคิดสร้างสรรค์ออกมาเอง อย่างเช่นตอนเปิดคาเฟ่ เราก็แค่ตัดสินใจทำเพราะเราหาร้านกาแฟที่เติมเต็มสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะมาถึงจุดนี้ เราต้องใช้เวลาบ่มเพาะว่าจุดยืนของเราคืออะไร เราจะเปิดร้านที่ไหนของแต่ละเมือง หรือใครจะมาเป็นผู้ร่วมหุ้น ซึ่งมาวันนี้เราก็มีคาเฟ่แล้ว 10 ที่ นอกจากนี้ยังผลิตเม็ดกาแฟของตัวเองอีกที่โอคายามะ และเร็วๆ นี้ที่ฝรั่งเศส
แต่ทำไมแบรนด์อื่นๆ ได้หันมาเปิดคาเฟ่ด้วย อันนี้เราก็ตอบแทนไม่ได้ แต่อาจเป็นการสร้างกิจกรรมและช่วยขยายเรื่องราวของแบรนด์ให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้ลึกซึ้งขึ้น ซึ่งมันช่วยได้แน่นอน
โซเชียลมีเดียมีความสำคัญอย่างไรต่อแบรนด์ Kitsuné
ตั้งแต่แรกเริ่ม แบรนด์ Kitsuné ได้สร้างฐานแฟนทั่วโลกแบบออร์แกนิก ซึ่งแน่นอนก็ต้องขอบคุณอิทธิพลของโซเชียลมีเดียและอินสตาแกรม แพลตฟอร์มพวกนี้ช่วยเป็นตัวกลางให้เราสามารถสะท้อนไลฟ์สไตล์และหลักการของแบรนด์ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นดนตรีหรือแฟชั่น ซึ่งเราพยายามศึกษาแพลตฟอร์มใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ดูว่าจะเข้ากับแบรนด์เราไหม และช่วยให้คนรู้จักแบรนด์ของเรามากน้อยขนาดไหนทั่วโลก
คุณมองว่า 5 ปีข้างหน้า แบรนด์ Kitsuné จะก้าวไปในทิศทางไหน
เราหวังว่าทั่วโลกจะมีร้านค้า คาเฟ่ และศิลปินมากขึ้นในสังกัด Kitsuné Musique แต่เราก็ยังต้องทำงานหนัก ศึกษากิจกรรมต่างๆ ที่มีในมือ และพัฒนาสิ่งที่เราจะสร้างสรรค์ให้คนที่ตามแบรนด์ของเรารู้สึกว่าเขาได้สิ่งที่ดีที่สุด
*หมายเหตุ: สัมภาษณ์ในครั้งนี้เป็นรูปแบบ E-Mail Interview
ภาพ: Courtesy of Kitsuné
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์