วานนี้ (25 สิงหาคม) มัตชิดิโซ โมเอติ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำภูมิภาคแอฟริกา คาดการณ์ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทวีปแอฟริกาอาจผ่านจุดสูงสุดแล้ว หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันมีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงเตือนให้แต่ละประเทศรับมือกับโควิด-19 อย่างไม่ประมาท หวั่นเกิดการระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง
แอฟริกาใต้ที่เคยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มระดับหลักหมื่นรายต่อวันและเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในแอฟริกา ก็มีแนวโน้มตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่ลดลงตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามาอยู่ในระดับหลักพันต้นๆ เท่านั้น ขณะที่ทั้งทวีปมีประเทศที่ยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่ระดับหลักพันต้นๆ เพียง 3 ประเทศขณะนี้คือ แอฟริกาใต้ โมร็อกโก และเอธิโอเปีย นอกนั้นติดเชื้อเพิ่มเพียงหลักร้อยหรือไม่กี่สิบรายเท่านั้น
ล่าสุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังก้าวเข้าสู่เดือนที่ 8 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมแตะ 24 ล้านรายแล้ว (24,042,688 ราย) รักษาหายกว่า 16.5 ล้านราย (16,591,338 ราย) หรือคิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 822,499 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 3.4% โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเกินวันละ 1 แสนราย ติดต่อกันนานถึง 91 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา
สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลก (5,954,816 ราย) ตามมาด้วยบราซิล (3,669,995 ราย) อินเดีย (3,231,754 ราย) รัสเซีย (966,189 ราย) และแอฟริกาใต้ (613,017 ราย) โดยพบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 181 จาก 193 ประเทศทั่วโลก มีเพียงเกรนาดา เซนต์คิดส์และเนวิส และนครรัฐวาติกันเท่านั้น ที่ผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมดหายดีแล้วและยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม
