วันนี้ (31 กรกฎาคม) ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดยะลา ซึ่งต่างสวมใส่เสื้อผ้าใหม่ สวมหน้ากากอนามัย เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ ละหมาดอีฎิลอัฎฮา ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1441 ที่มัสยิดโรงเรียนพัฒนาวิทยากันเป็นจำนวนมาก เพื่อเฉลิมฉลองวันอีฎิลอัฎฮา หรือวันฮารีรายอฮัจยี โดยปฏิบัติศาสนกิจตามหลักศาสนาอิสลาม พร้อมรับฟังการบรรยายธรรมจากผู้นำศาสนา
สำหรับการจัดละหมาดอีฎิลอัฎฮา ทางมัสยิดฯ ได้จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมพิธี จำนวน 600 คน จัดสถานที่ละหมาดไว้บริเวณสนามบาสเกตบอล ซึ่งเป็นลานกว้าง เพื่อลดความแออัดและเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีการตรวจวัดไข้ การเว้นระยะห่างในแถวละหมาดที่เหมาะสมและให้ผู้เข้าร่วมละหมาดสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมนำผ้าปูละหมาดไปเอง
โดยวันตรุษอีฎิลอัฎฮา ตรงกับวันที่ 10 เดือนที่ 12 ตามปฏิทินของศาสนาอิสลาม ถือเป็นศาสนกิจที่สำคัญ ซึ่งมุสลิมทุกเพศทุกวัยจะต้องไปร่วมกันละหมาดที่มัสยิดใกล้บ้านหรือในสถานที่ที่จัดไว้ เมื่อเสร็จพิธีละหมาดก็มีการบรรยายธรรมโดยผู้นำศาสนาในพื้นที่ จากนั้นมีการแสดงความยินดีและขออภัยต่อกัน และบริจาคทานให้กับเด็ก คนชรา หรือผู้ยากไร้ พร้อมทั้งออกไปเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน นอกจากนั้นยังมีพิธีกรรมที่สำคัญคือการเชือดสัตว์พลีทานอีกด้วย
ทั้งนี้ อาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ผู้นำสูงสุดด้านศาสนาอิสลาม ได้กำหนดให้วันอีฎิลอัฎฮา ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1441 ตรงกับวันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2563 เพื่อกำหนดผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามในประเทศไทยปฏิบัติศาสนกิจอย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งวันดังกล่าวเป็นวันที่ชาวมุสลิมทั่วโลกเฉลิมฉลองวันแรกของการประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า