วันนี้ (22 มิถุนายน) อะฮ์มัด รุซดี เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่
โดยอนุทินแสดงความขอบคุณอะฮ์มัดที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือตลอดช่วงระยะเวลาของการดำรงตำแหน่ง รวมทั้งขอบคุณอะฮ์มัดและรัฐบาลอินโดนีเซียที่ได้อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ในประเทศอินโดนีเซียให้เดินทางกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบินพิเศษ โดยเชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในอนาคต พร้อมยืนยันให้ความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทย-อินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านอะฮ์มัดได้ขอบคุณอนุทินและรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนการทำงานในไทยเสมอมา พร้อมชื่นชมมาตรการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศติดต่อกันกว่า 28 วัน
ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นแบบอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จ โดยอินโดนีเซียจะนำบทเรียนและประสบการณ์ของไทยไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาภายในประเทศ ซึ่งอนุทินได้ให้คำแนะนำถึงการจัดการโควิด-19 ว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้คือการได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ และการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล (Social Distancing)
อย่างไรก็ตาม อนุทินเชื่อมั่นว่าอินโดนีเซียจะสามารถแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ให้คลี่คลายได้โดยเร็ว ซึ่งไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือในด้านต่างๆ และเชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง ในโอกาสนี้อนุทินได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการค้นคว้าวิจัยด้านการผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 ในไทย ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการทดลองและมีผลตอบสนองที่ดี กำลังเข้าสู่กระบวนการทดลองในมนุษย์เป็นลำดับต่อไป
ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างกันในสาขาที่มีศักยภาพ เช่น การค้าการลงทุน การศึกษา และการท่องเที่ยว โดยอนุทินเสนอให้พิจารณาการพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ซึ่งเป็นสาขาที่ไทยมีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาความร่วมมือด้านการสาธารณสุขและด้านธุรกิจการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศในอนาคต
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์