หลังจากออกมาแย้มถึงแผนการที่จะสร้างมาตั้งแต่กลางปี 2561 ในที่สุดสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ (Siam Premium Outlets Bangkok) ซึ่งเป็นพรีเมียม เอาท์เล็ตแห่งแรกของสยามพิวรรธน์ ไซม่อน บริษัทร่วมทุนระหว่างไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป (Simon Property Group) ยักษ์ใหญ่ด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกจากสหรัฐอเมริกา และสยามพิวรรธน์ ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ (19 มิถุนายน)
ไมเคิล ถัง กรรมการผู้จัดการ สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ อธิบายให้ฟังว่า โจทย์ของการสร้างพรีเมียม เอาท์เล็ตคือ ต้องหาพันธมิตรที่แข็งเกร่งที่สุด ซึ่งไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป เป็นยักษ์ใหญ่ในด้านนี้ โดยมีพรีเมียม เอาท์เล็ตในมือ 80 กว่าสาขาทั่วโลก ในเอเชียมีที่ญี่ปุ่นประมาณ 10 สาขา เกาหลีใต้ 5 สาขา และมาเลเซียอีก 1 สาขา จากนั้นไซม่อนก็สนใจเมืองไทยด้วย เพราะแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
“โปรเจกต์นี้ปีที่แล้วที่แห่งนี้ยังเป็นทุ่งนา เป็นบ่อปลาอยู่เลย เราใช้เวลา 1 ปี ในการเนรมิตรขึ้นมา จริงๆ แล้วเราสร้างเสร็จมาตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เข้ามา ทำให้เราต้องประเมินให้รอบครอบ หลังจากเหตุการณ์คลี่คลายขึ้น จึงได้ตัดสินใจเปิดในช่วงเวลานี้”
สำหรับสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ไมเคิลย้ำว่า ไม่เหมือนกับพรีเมียม เอาท์ เล็ตของไซม่อนที่อื่นๆ เพราะนอกจากออกแบบมาให้เดินเป็นวงกลมตามรูปแบบปกติของพรีเมียม เอาท์เล็ตแล้ว ยังได้เติมเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของสยามพิวรรธน์เข้ามาอีก เช่น น้ำตก หรือสนามเด็กเล่น
เบื้องต้นโครงการมีพื้นที่ 150 ไร่ พื้นที่ใช้สอยของโครงการ 50,000 ตารางเมตร มีร้านค้าทั้งหมด 200 แบรนด์ และมี 60 แบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งกรรมการผู้จัดการ สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ อธิบายว่า คำว่าเอ็กซ์คลูซีฟไม่จำเป็นต้องเปิดที่นี่แห่งเดียว อาจจะเป็นสินค้าเฉพาะรุ่นก็ได้
เบื้องต้นในโครงการแบ่งออกเป็นแบรนด์ลักชัวรี 10% เช่น Burberry และ Balenciaga ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่มาแรกที่มาเปิดในพรีเมียม เอาท์เล็ต ซึ่งเร็วๆ นี้ยังมี Ferragamo กับ Breitling ที่ขึ้นป้ายว่า Coming Soon และยังมีที่เพิ่งตกลงมาเปิดอีก 2 แบรนด์ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นแบรนด์อะไร ซึ่งนี่เป็นปกติอยู่แล้วที่การเปิดในช่วงแรกๆ แบรนด์ลักชัวรีจะไม่ได้มาเปิดทีเดียวทั้งหมด
อีก 10% เป็นอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนที่เหลือเป็นแบรนด์อินเตอร์และแบรนด์ไทย เช่น Nike พรีเมียม รีเทล สโตร์ ขนาดใหญ่กว่า 1,300 ตารางเมตร และ Adidas เอาท์เล็ต ที่ครบครันด้วยคอลเล็กชันทั้งสปอร์ตและแฟชั่นกว่า 2,000 รายการ
สำหรับการเปิดในวันนี้มีร้านที่พร้อมเปิดแล้ว 65% สิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 80% และไตรมาส 3-4 ปี จะครบ 100% สำหรับโครงการนี้ลงทุนไปทั้งสิ้น 4 พันล้านบาท โดยยังเป็นเพียงการก่อสร้างเฟสแรกและการซื้อที่ดินเท่านั้น เฟส 2 จะก่อสร้างศูนย์การค้า และเฟสสุดท้ายยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะพัฒนาในรูปแบบใด ส่วนพรีเมียม เอาท์เล็ตอีก 2 สาขาที่วางแผนไว้ว่าจะมี ขอเลื่อนออกไปก่อน
“ตอนแรกเราวางเป้าหมายเป็นคนไทย 60% นักท่องเที่ยว 40% แต่ด้วยสถานการณ์ช่วงนี้ทำให้เรามองว่าลูกค้า 100% จะเป็นคนไทย ส่วนปลายปีหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามา จำนวนลูกค้าอาจจะเป็นคนไทย 80% และชาวต่างชาติ 20% และคาดว่าจะมียอดใช้จ่ายบิลประมาณ 1,500 บาท”
อย่างไรก็ตาม ไมเคิลกล่าวว่า Maybe Not the First but the Second with the Bang หรือตีความหมายได้คือ แม้จะไม่ได้เป็นรายแรกที่เปิดพรีเมียม เอาท์เล็ต แต่การมาเป็นคนที่ 2 ก็ทำให้เรียนรู้จากผู้ที่มาก่อน นำมาแก้เพนพอยต์ลูกค้าในเรื่องต่างๆ เช่น การทำพรีเมียม เอาท์เล็ตไม่มีแค่การทำสถานที่ให้สวยอย่างเดียว แต่ต้องประกอบไปด้วยการสร้างประสบการณ์ การดึงแบรนด์ระดับโลกเข้ามา รวมถึงการทำมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งจุดนี้จะทำให้แข็งแกร่งกว่าได้
