บอร์ด กสศ. อนุมัติมาตรการช่วยเหลือเด็ก เยาวชน แรงงานด้อยโอกาส กว่า 7.5 แสนคน ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ระบุภาวะโภชนาการคือปัญหาจำเป็นเร่งด่วนของเด็กยากจนเมื่อต้องปิดเทอมนานขึ้น พร้อมเพิ่มเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเป็นค่าอาหาร ค่าครองชีพ ให้นักเรียนยากจนพิเศษ 300 ล้านบาท และเลื่อนการจ่ายเงินทุนเสมอภาคให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันเด็กหลุดออกนอกระบบ
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 ที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาครั้งที่ 3/2563 เพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายของ กสศ. ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19
ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร กสศ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 2,049 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับกลุ่มเป้าหมายในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยแบ่งเป็นการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนทุนเสมอภาค จำนวน 1,449 ล้านบาท และพัฒนาโครงการให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วและกว้างขวางขึ้น จำนวน 550 ล้านบาท
โดยคาดว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายราว 7.5 แสนคน โดยแบ่งเป็น เด็กนักเรียนในระบบ 7 แสนคน เด็กนอกระบบ 35,000 คน แรงงานด้อยโอกาส 10,000 คน มุ่งเน้นการช่วยเหลือทั้งระยะยาวและระยะสั้น ที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่กำลังเป็นวิกฤต โดยเฉพาะผลกระทบจากการปิดเทอมที่ยาวนาน ทำให้เด็กยากจนจำนวนมากกำลังประสบปัญหาโภชนาการ การขาดแคลนอาหาร โดยได้ระดมความคิดจากหลายภาคส่วน ทั้งการประชุมกับผู้บริหาร สพฐ. ผู้บริหารสถานศึกษา และการสำรวจทางโทรศัพท์ (Telephone Survey) ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ผู้ปกครอง นักเรียน ครู ผู้อำนวยการ จำนวน 12,460 คน เกี่ยวกับผลกระทบและแนวทางการช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษ
จากการประเมินพบว่าผู้ปกครองของนักเรียนได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้มีรายได้ลดลง ต้องแบกรับภาระอื่นๆ ถูกพักงานชั่วคราว และถูกเลิกจ้าง/ตกงาน โดย 3 เรื่องสำคัญที่ต้องเร่งช่วยเหลือคือ อาหาร ค่าครองชีพ และค่าของใช้จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้จัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าอาหารและค่าครองชีพให้กับนักเรียนยากจนพิเศษ ระดับชั้นประถมฯ 1-6 จำนวน 500,000 คน ในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ตชด. ทั่วประเทศ และ อปท. จำนวน 300 ล้านบาท โดยจัดสรรให้คนละ 600 บาท ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป
“กสศ. ยังได้ประชุมระดมสมองร่วมกับองค์การยูเนสโก และองค์การยูนิเซฟ เพื่อนำประสบการณ์จากนานาชาติที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเทอมที่ยาวนาน มาพัฒนาวิธีการช่วยเหลือนักเรียนในครอบครัวยากจนพิเศษ ซึ่งปัญหาด้านโภชนาการ การขาดแคลนอาหาร นม และน้ำสะอาด เป็นเรื่องที่ต้องเร่งช่วยเหลืออันดับแรก เพราะสำหรับเด็กด้อยโอกาส การได้ไปโรงเรียนไม่ได้หมายถึงการได้ไปเรียนหนังสือเท่านั้น แต่ยังหมายถึงโอกาสในการได้ไปรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย การที่เด็กต้องออกจากโรงเรียน ทำให้ขาดการเข้าถึงอาหารที่จำเป็น เราไม่สามารถรอให้โรงเรียนเปิดเทอมก่อนจึงเข้าไปดูแลได้ กสศ. จึงต้องมีแนวทางในการช่วยเหลือเด็กในเรื่องของอาหารให้เพียงพอเป็นความสำคัญในระดับต้นๆ” ดร.ประสาร กล่าว
ประธานคณะกรรมการบริหาร กสศ. กล่าวว่า เมื่อเจอวิกฤตโควิด-19 ซ้ำเติมความยากจน ผลกระทบต่อมาอาจทำให้เด็กยากจนพิเศษมีโอกาสหลุดออกนอกระบบการศึกษามากขึ้น คณะกรรมการบริหาร กสศ. จึงอนุมัติให้เลื่อนการจ่ายเงินทุนเสมอภาคให้เร็วยิ่งขึ้น และปรับสัดส่วนการจ่ายเงินในช่วงเปิดเทอมเป็นร้อยละ 75 หรือ 2,000 บาทในเทอม 1 จากเดิมร้อยละ 50 พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายการช่วยเหลือในระดับชั้นอนุบาลของสังกัด สพฐ. และ อปท. ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 708,767 คน
ดร.ประสาร กล่าวว่า เด็กนอกระบบการศึกษาเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ กสศ. ต้องเข้าไปช่วยเหลือ โดย กสศ. จะทำงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคเอกชน เพื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างน้อย 35,000 คน ใน 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร ซึ่งเมื่อช่วยเหลือเฉพาะหน้าแล้วก็จะสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น หรือการพัฒนาทักษะอาชีพตามศักยภาพต่อไป
นอกจากนี้คณะกรรมการบริหาร กสศ. ยังให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายแรงงานด้อยโอกาสที่ถูกเลิกจ้างกะทันหัน กลุ่มคนจนเมือง พ่อแม่นักเรียนยากจนพิเศษ และแรงงานตกงานที่กลับสู่บ้านเกิด โดย กสศ. จะทำงานร่วมกับหน่วยพัฒนาทักษะอาชีพ 80 ตำบลทั่วประเทศ เพื่อจัดทำระบบตัวแบบการเรียนรู้ของชุมชนที่เข้มแข็ง และมีเครื่องมือการแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ทำให้กลุ่มเป้าหมายมีโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมที่สูงขึ้น โดยจะต้องเป็นหลักสูตรพัฒนาทักษะอาชีพที่เรียนรู้และสามารถปรับใช้ได้เร็ว เบื้องต้นจะสามารถช่วยเหลือแรงงานด้อยโอกาสได้ 10,000 คน ที่สามารถขยายผลในชุมชนของตนเองได้
นอกจากนี้ยังขอเชิญชวนประชาชนและภาคธุรกิจเอกชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความช่วยเหลือในวิกฤตครั้งนี้กับ กสศ. และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่า ได้ที่ https://donate.eef.or.th/main-donate หรือธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี กสศ. มาตรา 6(6) – เงินบริจาค เลขที่บัญชี 1720300216 สอบถามรายละเอียดได้ที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หมายเลขโทรศัพท์ 0 2079 5475
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์