เศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งได้เริ่มชะลอตัวแล้วจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ต้องถูกกระหน่ำซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บุคคลร่ำรวยที่สุดจากการจัดอันดับของ Forbes ประจำปี 2020 มีทรัพย์สินรวมกันลดลงถึง 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.21 แสนล้านบาท เป็นการลดลงถึงร้อยละ 18 เหลือเพียง 1.32 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่ผ่านมาแม้ว่ารัฐบาลจะได้ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็ยังทรุดหนักโดยปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปแล้วเกือบ 1 ใน 3 เทียบจากเดือนเมษายน 2019 เป็นผลให้มหาเศรษฐี 38 คนในทำเนียบมีทรัพย์สินสุทธิลดลง ในจำนวนนี้มี 6 คนที่ความมั่งคั่งลดลงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังครองตำแหน่งอันดับ 1 แม้ว่าทรัพย์สินของพวกเขาจะลดลง 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท) ไปอยู่ที่ 2.73 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้เข้าซื้อกิจการของเทสโก้ในไทยและมาเลเซียมูลค่า 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จ
เฉลิม อยู่วิทยา ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลกอย่าง Red Bull ร่วมกับตระกูลของเขา มาในอันดับที่ 2 เขาเป็น 1 ใน 8 ผู้มีรายชื่อในทำเนียบที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น แม้ภาพรวมจะย่ำแย่ โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.99 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีก่อน เป็น 2.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้
เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี จากเครือไทยเบฟเวอเรจ ขยับขึ้นมาในอันดับที่ 3 ด้วยทรัพย์สิน 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ทรัพย์สินสุทธิลดลงจาก 1.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา
ตระกูลจิราธิวัฒน์ หล่นจากอันดับ 2 มาอยู่ในอันดับ 4 ในปีนี้ ด้วยความมั่งคั่งที่ลดลงกว่าครึ่งไปอยู่ที่ 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเพิ่งนำบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนับเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวและนักช้อปที่ลดลงอย่างมาก ทำให้ราคาหุ้นของเซ็นทรัล รีเทลต่ำกว่าราคา IPO ถึงร้อยละ 27 โดยตกลงต่อเนื่องตั้งแต่เข้าการซื้อขาย
แม้ว่าราคาพลังงานทั่วโลกจะประสบภาวะตกต่ำครั้งรุนแรง มหาเศรษฐีจากวงการพลังงานของไทย 3 ใน 4 คนกลับมีทรัพย์สินงอกเงย ทั้งนี้เป็นผลจากการที่พวกเขาพุ่งความสนใจไปที่ก๊าซธรรมชาติและพลังงานทดแทน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการหันไปหาเชื้อเพลิงที่สะอาดขึ้น ในจำนวนนี้มี สารัชถ์ รัตนาวะดี ผู้ที่ทำเงินเพิ่มขึ้นมากที่สุด ด้วยทรัพย์สินสุทธิ 6.8 พันล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้น 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของเขาเปิดโรงพลังงานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มเติม ตลอดจนเข้าดำเนินการโครงการใหม่ๆ อาทิ ท่าเรือและถนน
ฮาราลด์ ลิงค์ (อันดับที่ 12 ทรัพย์สิน 2.3 พันล้านดอลลาร์) หัวเรือใหญ่รุ่นที่ 3 ของ บี.กริม มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ขณะที่ บี.กริม เพาเวอร์ เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีกร้อยละ 40 และกำไรของบริษัทกระโดดขึ้นร้อยละ 34 ในปีที่ผ่านมา ภาคพลังงานที่คึกคักได้พามหาเศรษฐี 2 คนเข้าสู่ทำเนียบเป็นครั้งแรกในปีนี้ อีกหนึ่งได้แก่ พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา (อันดับ 40 ทรัพย์สิน 585 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผู้ที่เข้าทำเนียบครั้งแรกหลังจากบริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ ผู้ผลิตพลังไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
นพ.กำพล พลัสสินทร์ (อันดับ 38 ทรัพย์สิน 610 ล้านดอลลาร์) ผู้ก่อตั้งเครือโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ที่เป็นบริษัทมหาชน กลับเข้าสู่ทำเนียบหลังจากห่างหายไป 3 ปี อันเป็นผลจากการที่บริษัทเปิดโรงพยาบาลใหม่อีก 2 แห่ง ช่วยหนุนราคาหุ้นบริษัทให้ทะยานขึ้น
ปีนี้ Forbes กำหนดทรัพย์สินสุทธิขั้นต่ำสำหรับผู้ที่จะมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบที่ 460 ลดลงจาก 565 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2019
สำหรับ 10 อันดับแรกทำเนียบมหาเศรษฐีของไทยมีดังนี้
- พี่น้องเจียรวนนท์ 2.73 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เฉลิม อยู่วิทยา 2.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เจริญ สิริวัฒนภักดี 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ตระกูลจิราธิวัฒน์ 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- สารัชถ์ รัตนาวะดี 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ตระกูลโอสถสภา 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- วานิช ไชยวรรณ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ชูชาติ เพ็ชรอำไพ-ดาวนภา เพชรอำไพ 2.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การจัดอันดับนี้ใช้ข้อมูลการเงินและการถือครองหุ้นที่ได้รับจากทางครอบครัวและปัจเจกบุคคล ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่ง อันดับนี้ต่างจากอันดับอภิมหาเศรษฐีตรงที่มีการรวมถึงทรัพย์สินของครอบครัว และทรัพย์สินที่ถือครองโดยสมาชิกครอบครัวหลายรุ่น ทั้งนี้มูลค่าทรัพย์สินในบริษัทมหาชนเป็นการคำนวณจากราคาหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 13 มีนาคม ทรัพย์สินในบริษัทที่ถือครองส่วนตัวประเมินค่าโดยเปรียบเทียบกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเดียวกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า