วันนี้ (26 มีนาคม) เวลา 13.00 น. นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าในประเทศไทยพบผู้ป่วยสะสม 1,045 ราย โดยสถานการณ์ภาพรวมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น
จุดเปลี่ยนของไทยอยู่หลังวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งพบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นจากหลักสิบเป็นหลักร้อย โดยวันที่ 22 มีนาคมมีตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มกระโดดไป 188 ราย แต่มีเหตุผลมาจากก่อนหน้านี้จะมีการรายงานผู้ป่วยยืนยันก็ต่อเมื่อมีผลแล็บยืนยัน 2 ที่มีผลตรงกัน แต่ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมเป็นต้นมาใช้เพียงผลแล็บเดียว หากมีผลเป็นบวกจะนับเป็นผู้ป่วยยืนยันทันที
- ถ้าผู้ป่วยเพิ่มวันละหลักร้อย สิ้นเดือนเมษายน ไทยจะมีผู้ติดเชื้อ 3,500 คน
ทั้งนี้หากแนวโน้มกราฟจำนวนผู้ป่วยยังเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยขึ้นไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน ก็จะมีผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศประมาณ 3,500 ราย ซึ่งหมายความว่ามาตรการที่ออกมาในเวลานี้ไม่แรงพอ แต่ตนคาดหวังว่าเมื่อมีข้อกำหนดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แล้วจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และไม่มีผู้ป่วยสะสมไปจนถึง 3,500 คนในสิ้นเดือนเมษายนนี้
- กลุ่มสนามมวย รวมผู้สัมผัสติดเชื้อแล้ว 160 ราย
ส่วนกรณีที่สนามมวย ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อรวมผู้สัมผัสแล้ว160 ราย กระจายอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กรณีแรกๆ ที่เกิดขึ้นจากสนามมวยเกิดวันที่ 7 มีนาคม และพบผู้ป่วยกรณีสนามมวยที่ต่างจังหวัดในวันที่ 13 มีนาคม นอกจากนี้กลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับสนามมวยยังนำเชื้อไปติดที่เด็กด้วย โดยสิ่งที่เป็นห่วงคือจากข้อมูลพบว่าผู้ติดเชื้อมีการนำเชื้อไปแพร่ให้กับเด็กและผู้สูงอายุที่บ้านด้วย
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล 1 คน แพร่เชื้อ 3.4 คน
จุดเปลี่ยนหลังวันที่ 15 มีนาคมคือการที่จำนวนผู้ติดเชื้อกระจายไปหลายจังหวัดในประเทศไทย ซึ่งกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1 คน ติดต่อคน 3.4 คน ส่วนที่ภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี ภูเก็ต) 1 คน ติดต่อ 2.2 คน ส่วนที่อื่นๆ คือ 1คน ติดต่อ 1.8 คน ซึ่งการแพร่เชื้อจาก 1 คน ไป 1.8-2.2 คน ถือเป็นตัวเลขปกติตามหลักวิชาการ แต่ตัวเลข 1 คน ติด 3.4 คนถือว่าสูงไปสักหน่อย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์