นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ให้สัมภาษณ์ว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2563 ถือเป็นภัยสุขภาพที่มีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วทุกมุมโลกในรอบหลายสิบปี การที่ประเทศไทยจะผ่านพ้นวิกฤตการระบาดของโรคในครั้งนี้ไปได้นั้น ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสถานพยาบาลเอกชน ซึ่งถือเป็นด่านหน้าในการป้องกันและควบคุมมิให้เกิดการระบาดของโรค จะต้องดำเนินการบนมาตรฐานเดียวกัน
ดังนั้น ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมพิจารณาประเด็นการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยโรคโควิด-19 และได้กำหนดหลักการจ่ายค่าใช้จ่ายในการรับบริการจากสถานพยาบาลเอกชน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยไม่ต้องกังวลต่อภาระค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ประกอบด้วย
- ให้ผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 เป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาล โดยให้ประชาชนเข้ารับสิทธิ์การรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิ์รักษาของตนเองก่อน แต่หากมีความจำเป็นหรือมีภาวะฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลใดก็ได้ทั้งรัฐและเอกชน
- กำหนดเงื่อนไขค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉิน กรณีโรคโควิด-19 ในสถานพยาบาลเอกชน ดังนี้
2.1 กรณีผู้ป่วยชาวต่างชาติ ให้ใช้สิทธิ์การรักษาประกันสุขภาพเอกชนส่วนตัวที่มีอยู่
2.2 กรณีผู้ป่วยชาวไทยที่มีประกันสุขภาพเอกชนส่วนตัว ให้ใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพส่วนตัว
2.3 กรณีผู้ป่วยชาวไทยที่ไม่มีประกันสุขภาพเอกชนส่วนตัว ให้ใช้กลไกการจ่ายในแนวทางผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจาก 3 กองทุน (กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนรักษาพยาบาลประกันสังคม และกองทุนรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการ) เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า ขณะนี้ สบส. ได้จัดส่งหนังสือแจ้งหลักการจ่ายค่าใช้จ่ายของสถานพยาบาลเอกชน กรณีการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ถึงสถานพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ เพื่อให้รับทราบถึงแนวทางการปฏิบัติเป็นที่เรียบร้อย จึงขอกำชับให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งยึดหลักคุณธรรมและมนุษยธรรมเป็นสำคัญ ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ โดยไม่เอาค่าใช้จ่ายมาเป็นเงื่อนไข ห้ามเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากผู้ป่วยหรือญาติโดยเด็ดขาด และให้จัดเก็บเอกสารหลักฐานค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย เพื่อนำมาประกอบการเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล