ข้อมูลจากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ระบุว่า บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีกำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 3,027 ล้านบาท ลดลง 9.3% เมื่อเทียบกับปี 2561 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากรายได้ 2 ส่วนลดลง ได้แก่
- รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 อยู่ที่ 12,278.6 ล้านบาท ลดลง 2,244.5 ล้านบาท คิดเป็นการหดตัว 15.5% จากปี 2561 สาเหตุเพราะปี 2561 มีการรับรู้รายได้จากโครงการพาร์ค 24 เฟส 2 ซึ่งมีมูลค่าโครงการมากกว่าโครงการใหม่ที่รับรู้รายได้ในปี 2562 ทั้งนี้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนราว 86.9% ของรายได้รวม
- รายได้ค่าบริหารโครงการปี 2562 อยู่ที่ 918.9 ล้านบาท ลดลง 25% จากปี 2561 สาเหตุเพราะปี 2561 บริษัทเรียกเก็บรายได้ค่าบริหารโครงการจากโครงการที่มีมูลค่าขายที่สูงกว่าปี 2562
พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 จะถือเป็นช่วงปรับฐาน แต่บริษัทสามารถรักษาระดับกำไรและอัตราการทำกำไรไว้ได้ดี โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,027 ล้านบาท มาจากความสามารถในการบริหารต้นทุนขาย การบริหารค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 43.5% และอัตรากำไรสุทธิได้ถึง 21.4%
ทั้งนี้ปี 2562 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ไปทั้งสิ้น 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 24,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้าน 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 16 โครงการ มูลค่ารวม 18,200 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทมียอดขายในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 28,942 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,122 ล้านบาท
“บริษัทมีผลดีจากการขยายธุรกิจใหม่ในส่วนรายได้จากธุรกิจบ้านจัดสรรที่เติบโตจากปี 2561 กว่า 200% ทำให้มี Contribution ในผลประกอบการปี 2562 ราว 1,500 ล้านบาท หรือ 11% ของรายได้รวม รวมถึงการกระจายความเสี่ยงในการสร้างธุรกิจบริการในกลุ่มบริษัทพรีโมที่เติบโตกว่า 30% และรุกคืบขยายไปสู่ธุรกิจ Recurring Income ที่สามารถสร้างโรงแรมใหม่ในทำเลทองอย่างทองหล่อและศรีราชาเสร็จก่อนกำหนดในปี 2562 ที่ผ่านมา และจะเริ่มเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในไตรมาส 2 ปีนี้” พีระพงศ์กล่าว
ขณะที่ปี 2563 บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่หลายโครงการที่มีแผนรับรู้รายได้ต่อเนื่องและที่จะทยอยสร้างเสร็จ เช่น
- โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ สาทร มูลค่าโครงการ 3,900 ล้านบาท
- โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ รัชโยธิน มูลค่าโครงการ 1,680 ล้านบาท
- โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท
- โครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง มูลค่าโครงการกว่า 2,054 ล้านบาท
- โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน มูลค่าโครงการกว่า 2,700 ล้านบาท
- โครงการไนท์บริดจ์ เกษตรโซไซตี้ มูลค่าโครงการกว่า 1,300 ล้านบาท
โดยปัจจุบันบริษัทมีแบ็กล็อก (Backlog) พร้อมทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องกว่า 3 ปีสูงถึงกว่า 41,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเริ่มมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงแรมที่เปิดให้บริการในปี 2563 จำนวน 2 โรงแรม ได้แก่ โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ และโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง รวม 650 ห้องพัก
ทั้งนี้ในปี 2562 บริษัทมีการร่วมทุนกับพันธมิตรเดิมและพันธมิตรใหม่เพิ่มเติม โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทรอบ 6 เดือนหลังของปี 2562 ในอัตรา 0.29 บาทต่อหุ้น (คิดเป็น Dividend Yield 9%) จากราคาปิดเมื่อวานนี้ (27 กุมภาพันธ์) เป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้นไม่เกิน 711.33 ล้านบาท โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด โดยกำหนดในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล (Record Date) และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 29 พฤษภาคม 2563
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์