วันนี้ (28 มกราคม) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการคัดกรองผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งพบผู้เข้าข่ายเพิ่ม 6 ราย เนื่องจากผ่านการตรวจ 2 ครั้ง และพบการติดเชื้อทั้ง 2 ครั้ง โดยทั้งหมดเป็นชาวจีนที่เดินทางมาจากจุดที่พบการระบาดของโรคทั้งสิ้น แบ่งเป็นกลุ่มคนที่เดินทางมาเป็นครอบครัว 5 รายจากมณฑลหูเป่ย และอีก 1 รายมาจากเมืองฉงชิ่ง เท่ากับตอนนี้พบว่าติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มจาก 8 ราย เป็น 14 ราย ซึ่งจะมีการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งหลังจากตรวจผลรอบบ่ายของวันนี้
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับการคัดกรองตอนนี้มีผู้เข้าสอบสวนโรคจำนวน 136 ราย คัดกรองจากสนามบิน 29 ราย มาตรวจที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง 107 ราย อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 55 ราย ผลตรวจส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 81 ราย
“เรื่องนี้มีการรายงานต่อนายกรัฐมนตรีอยู่เสมอ ซึ่งท่านนายกฯ ก็เน้นเรื่องสุขภาพของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญเป็นอันดับแรก ส่วนกระทรวงสาธารณสุขเราได้รวบรวมกำลังคนจากทุกหน่วยงานกว่า 5,000 คนมาช่วยคัดกรองผู้เดินทางมาประเทศไทย โดยเฉพาะชาวจีนที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เพื่อดูแลและคัดกรองผู้ป่วยอย่างเข้มข้นมากขึ้น” นพ.สุขุม กล่าว
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงมาตรการในเขตพื้นที่ชายแดนที่ไม่ใช่เพียงแค่สนามบิน กระทรวงสาธารณสุขจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร นพ.สุขุม ระบุว่า “เรื่องนี้ดูเหมือนเพื่อนบ้านจะกลัวเรามากกว่า เพราะประเทศไทยเราพบผู้ติดเชื้อมากกว่าประเทศของเขา ซึ่งหน้าที่ของเราตอนนี้คือต้องดูแลสุขภาพของคนไทยให้ดีที่สุด ฉะนั้นตอนนี้เราต้องดูแลสถานการณ์ของเรา และป้องกันไม่ให้เชื้อจากภายนอกเข้าสู่บ้านเราด้วย”
ส่วนกรณีความเสี่ยงการแพร่เชื้อจากท่าเรือในไทยมีความเสี่ยงระดับไหน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า
“ความเสี่ยงทั้งจากสนามบินและท่าเรือมีอยู่ 2 ปัจจัยคือ 1. จำนวนของผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศ เพราะถ้ามีผู้เดินทางเยอะ ความเสี่ยงที่จะพบผู้ป่วยก็สูงตาม 2. ระยะทางจากจุดเกิดเหตุมาสู่จุดหมายปลายทาง เพราะถ้าใช้เวลานานมากโอกาสที่จะเจอก็จะน้อยลงไปด้วย เพราะเท่าที่เรารู้กันว่าโรคนี้มีระยะการฟักตัวที่ค่อนข้างสั้น สมมติว่าใช้เวลาจากท่าเรือเดินทางมาถึงไทยเป็นเวลา 10 วัน โอกาสที่จะเจอผู้ป่วยในเรือก็จะน้อยตามไปด้วย
“ดังนั้นถ้าเทียบระหว่างท่าเรือกับท่าอากาศยาน ที่ท่าอากาศยานมีผู้เดินทางเยอะมากและระยะเวลาเดินทางที่สั้นกว่า ก็จะแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงพบผู้ติดเชื้อจากการโดยสารเครื่องบินนั้นสูงกว่าที่จะพบจากท่าเรือ” นพ.ธนรักษ์ กล่าว