กว่า 4 ปีที่ ‘ธนาคารไทยพาณิชย์’ หรือ SCB เข้าสู่กระบวนการ ‘Transformation’ เพื่อทำให้องค์กรเก่าแก่แห่งนี้สามารถต่อสู้กับ Digital Disruption ท่ามกลางพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะหากไม่ทำ องค์กรคงรอดยาก
อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่าวันนี้ ‘Disruption’ เข้ามามีผลกระทบในระดับอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว โดยสิ่งที่องค์กรที่อยู่มานานและมีขนาดใหญ่ยังไม่สามารถทำได้ดีนั้นคือการ ‘ทดลอง’
การทดลองจะทำให้องค์กรสามารถหาหนทางไปต่อสำหรับธุรกิจ แต่อย่างที่รู้กัน ไม่ใช่ทุกอย่างจะประสบความสำเร็จในครั้งเดียว มีล้มเหลว มีผิดพลาด จึงต้องทดลองและลงทุนเยอะจึงจะประสบความสำเร็จได้
อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์
สิ่งที่ตามมาคืออาจส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไร ตลอดจนการเติบโตของค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมกระทบกับรูปแบบของบริษัทที่อยู่มานาน มีผลประกอบการที่คาดหวังจะต้องเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้คนขององค์กรมีวัฒนธรรมหรือแรงกดดันที่ว่าการทดลองเพื่อค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ เป็นสิ่งที่ยากมาก แต่ที่ยากมากกว่าคือการยอมรับความล้มเหลว
แต่ “ธนาคารต้องล้มเหลวให้เป็น” นี่คือคำกล่าวของอาทิตย์ และเป็นที่มาของการก่อตั้ง ‘10X’ หรือ ‘เท็นเอกซ์’ ทีมเล็กๆ ที่มีคนหลักสิบในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานหลักหมื่น หน้าที่ของ 10X คือการทดลองเป็นสตาร์ทอัพที่ใช้ Design Thinking และ Agile เป็นกุญแจสำคัญในการทำงาน เพื่อค้นหาและทดลองโปรดักต์ใหม่ๆ ที่สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ตลอด เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด และขึ้นตรงกับซีอีโอ
จาก ‘แผนก’ ยกขึ้นเป็น ‘บริษัท’
กว่า 2 ปีที่ได้เรียนถูก เรียนผิด สั่งสมประสบการณ์ ทดลองลงทุนและสร้างสิ่งใหม่ๆ จนมีความพร้อมที่จะยกระดับการทดลอง (Experiment) สู่การสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Exponential) นี่เองจึงเป็นที่ทำให้ SCB ตัดสินใจยก 10X จากทีมหนึ่งในธนาคารสู่การเป็นบริษัทอย่างเต็มตัว
“ที่ผ่านมาธนาคารได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีและคนอย่างเพียงพอที่จะทำให้สามารถดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และสามารถเดินตามกลยุทธ์ Going Upside Down หรือกลับหัวตีลังกา ซึ่งทำให้องค์กรลีนขึ้น แต่สิ่งที่ SCB ต้องการในวันนี้คือการนำเทคโนโลยีมาต่อยอดสร้างประสบการณ์ในเชิงของโปรดักต์และธนาคาร เราจึงตัดสินใจยก 10X ขึ้นเป็นบริษัท”
บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 7 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในวันที่มีฤกษ์ดีที่สุดของปี โดยมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ถือหุ้น 100% โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
SCB 10X จะทำหน้าที่ Holding Company ที่จะเข้ามาดูแลบริษัทด้านเทคโนโลยีที่อยู่ในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ทั้งหมด เช่น Digital Ventures ซึ่งก่อตั้งมา 4 ปีแล้ว, SCB Abacus และ MONIX รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีที่จะจัดตั้งหรือลงทุนในอนาคต
ต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และไปถึงก่อนใคร
SCB ตัดสินใจให้ ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ขึ้นควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด โดยจะทุ่มเวลาส่วนใหญ่ให้กับบริษัทที่เพิ่งจัดตั้งใหม่นี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด และผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ดร.อารักษ์ กล่าวว่าบทบาทหน้าที่ของ SCB 10X จะมุ่งเน้นการสร้างขีดความสามารถใหม่ทางด้านเทคโนโลยีผ่านการลงทุนที่สามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Invest in Exponential Opportunities) ภายใต้ภารกิจที่เรียกว่า ‘Moonshot Mission’ คือการคิดและทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นหรือมีมาก่อน มองเห็นความต้องการของตลาดในอนาคต และนำพาองค์กรไปถึงจุดนั้นก่อนใคร
เพราะสิ่งที่ SCB กำลังเจอคือคู่แข่งใหม่ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจธนาคารโดยตรงอย่างแพลตฟอร์มออนดีมานด์หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ต่างหันมารุกธุรกิจสินเชื่อ ซึ่งสร้างรายได้ให้มากกว่าธุรกิจหลักที่ต้องโหมลงทุนและยังไม่ได้กำไรตอบกลับมา
“สิ่งหนึ่งที่เราเห็นในโลกธุรกิจในวันนี้คือการที่บริษัทเล็กๆ ที่ยังมีฐานลูกค้าไม่เยอะมากสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ทำไม SCB จะทำแบบนั้นบ้างไม่ได้ เราเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ มีขนาดลูกค้าที่เชื่อมั่นอยู่แล้ว โดยมีฐานลูกค้ากว่า 16 ล้านคน เป็นฐานลูกค้าดิจิทัลกว่า 10 ล้านคน และยังมีประสบการณ์ทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว เราได้เรียนรู้และพร้อมจะนำเรื่องเหล่านี้มาก่อให้เกิดประโยชน์”
ภายใต้บริษัทใหม่นี้ได้แยกธุรกิจออกเป็น 3 ส่วนได้แก่
1. Venture Builder (VB) คือการลงทุนร่วมสร้างธุรกิจประเภทเทคสตาร์ทอัพใหม่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ในอุตสาหกรรมธนาคาร และเป็นตัวขับเคลื่อนหลักทางธุรกิจของบริษัทในการสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดย SCB 10X จะให้การสนับสนุนผู้ที่มีความคิดหรือกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจที่มองเห็นอนาคตทั้งด้านการเงินเพื่อทดลอง จนไปถึงจุดที่บริษัทสามารถสเกลและระดมทุนจากภายนอกได้
นอกจากนี้ยังร่วมสร้างธุรกิจผ่านการให้การสนับสนุนผู้มีความสามารถ (Talent) ทีมงาน การเข้าถึงเทคโนโลยี (Tech Access) การนำเสนอธุรกิจสู่ตลาด (Go-to Market) รวมถึงแชร์เซอร์วิสอื่นๆ เพื่อให้เจ้าของไอเดียสามารถโฟกัสการสร้างธุรกิจได้อย่างเต็มที่ และถ้าเจ้าของไอเดียหรือผู้ที่เข้าร่วมงานสามารถสร้างไอเดียจนสำเร็จก็จะมีโอกาสร่วมเป็นเจ้าของบริษัทด้วย (Share Ownership) โดยเบื้องต้นมีโปรเจกต์ที่กำลังดูๆ อยู่ประมาณ 6-7 โปรเจกต์
2. Strategic Investment and Partnership คือการร่วมลงทุนทางยุทธศาสตร์และการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทด้านเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงมุ่งหาโอกาสในการสร้างธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาขีดความสามารถและสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ
3. Venture Capital (VC) คือการลงทุนใน Tech Company และสตาร์ทอัพทั่วโลก เน้นการลงทุนที่สามารถช่วยให้บริษัทหรือสตาร์ทอัพเหล่านั้นเติบโตยิ่งขึ้น
SCB 10X มีงบลงทุนทั้งหมด 20,000 ล้านบาท สำหรับใช้ในระยะเวลา 3 ปี อาทิตย์อธิบายว่างบในส่วนนี้ไม่ได้เป็นงบที่ตั้งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่เป็นงบที่มีมาอยู่แล้ว เช่น ในคราวที่ตั้ง Digital Ventures ได้ตั้งงบไว้ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท ก็จะรวมในส่วนนี้ด้วย นอกจากนี้ก็จะมีเป็นทั้งเงินหรือทรัพย์สินอื่นๆ ด้วย
ภายใต้งบก้อนนี้ SCB 10X จะต้องบริหารจัดการเองทั้งการลงทุน ค่าใช้จ่ายในองค์กร เงินเดือนพนักงาน ต้องทำให้อยู่ด้วยตนเองได้ และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากหมดแล้วจะไม่สามารถมาขอที่บริษัทแม่ได้
ขณะเดียวกันภายใน 5 ปีต่อจากนี้ SCB ต้องการให้ SCB 10X ขึ้นเป็นผู้นำในอาเซียนด้านการลงทุนร่วมสร้างและการลงทุนดิจิทัลเทคโนโลยี
แต่ที่มากกว่านั้นคือการเป็นกันชนให้กับ SCB ให้สามารถนำพาธุรกิจฝ่ากระแส ‘Disruption’ ในวันที่เข้ามาเขย่าธุรกิจธนาคารอย่างรุนแรงได้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์