อาหารดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ถ้าจะให้ดียิ่งกว่า บรรยากาศก็คงต้องเป็นใจไม่น้อยหน้า เราชวนคุณมากดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 76 เพื่อจิบดริงก์เบาๆ แล้วต่อด้วยดินเนอร์ และดื่มด่ำกับบรรยากาศกรุงเทพฯ มุมสูง ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง Mahanakhon Bangkok SkyBar (มหานคร แบงค็อก สกายบาร์) ร้านอาหารและบาร์ที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ และประเทศไทย
บรรยากาศเมื่อขึ้นมาจากลิฟต์
The Vibe
แม้จะสูงเกือบ 80 ชั้น แต่ก็ใช้เวลาขึ้นลิฟต์ไม่นานนัก หากจองโต๊ะล่วงหน้าแล้ว ให้แจ้งพนักงานที่เคาน์เตอร์ชั้นล่าง แล้วเดินไปรอลิฟต์ความเร็วสูงได้เลย เพียงไม่กี่อึดใจจากที่อยู่ระดับผิวถนนก็มาแตะขอบฟ้าเรียบร้อย
วิวตระการตาอยู่ตรงหน้า
โค้งประตูไม้หน้าร้านและโถงทางเดินนำพาไปสู่พื้นที่ร้านอาหารและบาร์ ฟากหนึ่งของร้านคือโซนที่นั่งเอาต์ดอร์ เหมาะสำหรับผู้มานั่งชิลแกล้มวิวเมืองและลมพัดยามเย็น อีกมุมหนึ่งของร้านคือร้านอาหารและค็อกเทลบาร์ เราชื่นชอบหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สูงตั้งแต่เพดานจรดพื้น มองเห็นทิวทัศน์เมืองกรุงได้เต็มตา ขณะเดียวกันก็อยู่ท่ามกลางความหรูหรา ที่เข้าถึงความต้องการของผู้มาเยือนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็ก ก๊วนใหญ่ หรือคู่รักที่ต้องการความโรแมนติก จึงไม่แปลกใจหากเราพบว่าโต๊ะข้างๆ กำลังขอแต่งงานกัน (น่าอิจฉาไหมล่ะ)
ของตกแต่งที่มีของสะสมของเจ้าของสถานที่อยู่ในนี้ด้วย
นอกจากบรรยากาศและความสูงเสียดฟ้าที่โดดเด่นเหนือใครแล้ว ด้านอาหารก็ไม่น้อยหน้า เพราะได้ เชฟโจชัว คาเมรอน (Joshua Cameron) จาก Eleven Madison Park ร้านอาหารที่ติดอันดับดีที่สุดในโลกจากนิวยอร์ก ผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปี มาสร้างสรรค์อาหารตะวันตกและตะวันออกสไตล์โมเดิร์นบราสเซอรีแห่งนี้
เมนูปลาสีสดใสน่าลิ้มลอง
The Dishes
รองท้องเบาๆ ด้วยของกินเล่นสัก 2 อย่างกำลังดี Foie Gras (650 บาท) ฟัวกราส์เทอร์รีนฝรั่งเศสอย่างดี ผ่านการหมักในเหล้าเชอร์รี ให้สัมผัสเนียนนุ่ม ไร้กลิ่นคาว เคียงคู่ด้วยหอมใหญ่คาราลาไลซ์ พิวเร่หอมใหญ่ และเชอร์รีเมเปิลซอส ทาฟัวกราส์เทอร์รีนบางๆ บนขนมปังซาวเออร์โดว์ย่าง เราเชื่อว่าแค่แผ่นเดียวเอาไม่อยู่แน่นอน
เชฟโจชัวและฟัวกราส์ของเขา
อีกสักอย่าง แนะนำ Sea Bream Crudo (700 บาท) ปลาซีบรีมแล่บางหมักเกลือและน้ำตาล จัดจานมาอย่างสวยงาม ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้ วางเรียงเป็นวงกลม ตรงกลางเป็นน้ำมะเขือเทศผ่านกรรมวิธีพิเศษจนออกมาเป็นน้ำสีขาว เมื่อเสิร์ฟถึงโต๊ะแล้วพนักงานจะจัดแจงเทน้ำมันกระเทียมสีเขียวใส เพิ่มความมันและรสชาติให้ปลามีความอร่อยและเข้มข้นยิ่งขึ้น
ลาบเป็ดไฮโซ
คอร์สถัดมา Larb Ped-Spicy Grilled Duck Salad (600 บาท) ยกลาบเป็ดจากดินสู่ดาว ปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่หมดจดแบบดีคอนสตรักต์ วิธีการรับประทานคล้ายเมี่ยง หยิบข้าวเกรียบ ตามด้วยอกเป็ดรมควันย่าง ผักชี และผักดอง จากนั้นกัดกร้วมเข้าปากพร้อมกัน อร่อยแน่นอน
เมนคอร์สจานเนื้อที่ห้ามพลาดคือ 48-Hour Australian Short Ribs (1,200 บาท) เนื้อซี่โครงออสเตรเลียตุ๋นนานกว่า 48 ชั่วโมง และย่างความสุกระดับมีเดียมแรร์ ทำให้เนื้อยังคงเท็กซ์เจอร์ชุ่มฉ่ำกำลังดี ราดซอสชิคเก้นจูส์เข้มข้นพิเศษ กินคู่กับ คูสคูส มะเขือม่วง ลูกเกด และองุ่นย่างน้ำผึ้งที่ให้รสอูมามิ
เบอร์เกอร์หรูกลางฟ้า
ส่วนใครที่อยากอิ่มแบบจานเดียว ที่นี่มี Mahanakhon Burger (600 บาท) ซิกเนเจอร์เบอร์เกอร์ประจำร้าน ประกอบด้วยบีฟแพตตี้ชิ้นโต เบคอน ชีสบอร์ดิเยร์ทรัฟเฟิลเกาดาย่างจนละลายเกาะติดเนื้อ หอมแดงดอง และผักสด ใครที่สั่งเบอร์เกอร์จะได้มันฝรั่งทอดหั่นแท่งแบบเฟรนช์ฟรายส์ แต่สัมผัสแบบเดียวกับ Patatas Bravas อย่างสเปน พร้อม 2 ดิปเพิ่มความอร่อย Garlic Aioli ครีมกระเทียมรสมันเค็ม หรือ Romesco ซอสเบสมะเขือเทศผสมกระเทียมและถั่วสารพัดชนิด อย่าลืมเพิ่มผักเคียงไว้ตัดรสชาติและแก้เลี่ยน Carrots (220 บาท) เบบี้แครอตย่าง ที่มาพร้อมกรีกโยเกิร์ต ผงซูแมค เครื่องเทศจากแถบเมดิเตอร์เรเนียน และน้ำมันเครื่องเทศฝรั่งเศส
เอาใจคนรักขนมหวานกันบ้าง
กินคาวไม่กินหวานก็กะไรอยู่ เราได้ยินว่าเชฟที่นี่เอาใจใส่เรื่องของหวานพอๆ กับอาหาร แถมยังนำวัตถุดิบไทยมาประยุกต์ใช้กับขนมฝรั่งได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับชีสเค้กจานนี้ Kaffir Lime Cheesecake (350 บาท) หรือเรียกภาษาไทยง่ายๆ ว่า ชีสเค้กมะกรูดนั่นเอง ซึ่งเลเยอร์สีแดงบนสุดเป็นเยลลีแก้วมังกร หยดด้วยเจลเสาวรส ถัดลงมาเป็นส่วนของครีมชีสและครัมเบิล เสิร์ฟพร้อมเนื้อมังคุดสดและมะม่วงซอร์เบต กินแล้วสดชื่น ล้างปากหลังอาหารได้ดี
Chocolate Tart (300 บาท) เมนูหวานที่ช็อกโกเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาด เพราะทาร์ตตัวนี้นำเสนอความหลากหลายของช็อกโกแลตให้มาอยู่ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตซอร์เบต ช็อกโกแลตกานาช และช็อกโกแลตทาร์ต ตามด้วยเจลหยดจิ๋วสามรส (คาปูชิโนเจล คอฟฟี่เจล และมิลก์เจล) หายห่วงว่าจะต้องหวานเจี๊ยบ เพราะเข้มข้นเต็มรสช็อกโกแลตจริงๆ ไม่จกตา
หากคุณไม่ใช่สายหวาน ลองสั่งเมนูผลไม้สดคู่ครีม Berries & Cream (650 บาท) สารพัดเบอร์รีในจานใบโต โปะด้วยครีมเนื้อเบา สไปซ์ครัมเบิล และไวต์บัลซามิกเจลตัดเลี่ยน
Bellini สุดคลาสสิก
ไหนๆ ก็ขึ้นมาเกือบจะได้แตะขอบฟ้ากันแล้ว ค็อกเทลก็ต้องดูดีกันบ้าง เช่นเดียวกับ Bellini (450 บาท) แก้วนี้ ที่เสิร์ฟในแก้วแชมเปญเพราะเบสด้วย Prosecco หรือสปาร์กลิงไวน์นั่นเอง ผสมกับไวต์พีช คนให้เข้ากันก็เป็นอันเรียบร้อย รสชาติหวานนุ่ม จิบเบาๆ เมาท์มอยกับเดอะแก๊งระหว่างรอพระอาทิตย์ตก นี่แหละคือเพอร์เฟกต์คอมบิเนชัน
Clover Club
แต่หากไวน์ไม่ใช่แนว ลองสั่ง Clover Club (450 บาท) กลับมาที่สปิริตดั้งเดิมอย่างจิน เพิ่มความเปรี้ยวอมหวานด้วยราสป์เบอร์รีและเลมอน
What You Should Know:
- Mahanakhon Bangkok SkyBar คือร้านอาหารและบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ณ ตอนนี้
- เราไม่แนะนำให้วอล์กอิน ควรจองโต๊ะล่วงหน้าประมาณ 4-5 วัน เพื่อที่จะได้วิวดีที่สุด
- ช่วงนี้หากมียอดใช้จ่ายต่อท่านตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป สามารถขึ้นไปชมวิวที่ Mahanakhon Skywalk ได้ฟรี
- สิ่งที่ดีที่สุดคือราคาที่ปรากฏในเมนูอาหารและเครื่องดื่มนั้นเป็นราคาสุทธิ รวมภาษีและค่าบริการแล้ว จึงไม่ต้องคิดคำนวณให้วุ่นวายอีก
Mahanakhon Bangkok SkyBar
Open: เปิดบริการทุกวัน 17.00-1.00 น.
Address: ชั้น 76-77 คิง เพาเวอร์ มหานคร กรุงเทพฯ (BTS ช่องนนทรี ทางออกที่ 3)
Budget: 1,500-3,000 บาท
Contact: 0 2677 8722
Website: www.mahanakhonbangkokskybar.com
Map:
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า