กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น (20 กันยายน) อนุมัติการส่งกองกำลังทหารเพิ่มเติมไปประจำการยังอ่าวเปอร์เซียเพื่อคุ้มกันและดูแลความสงบบริเวณประเทศซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้วตามคำเรียงร้องของสองประเทศ หลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาโรงกลั่นน้ำมันในซาอุฯ ได้ถูกโจมตีจนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปั่นป่วนอย่างหนัก
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นทันทีหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการเปิดฉากโจมตีโรงน้ำมันดังกล่าวในซาอุฯ
มาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า “เพื่อตอบสนองคำเรียกร้อง ประธานาธิบดีทรัมป์ได้อนุมัติให้ส่งกองกำลังทหารสหรัฐฯ เพิ่มเติมไปประจำการในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ซึ่งหน้าที่ของพวกเขาจะมุ่งไปที่การคุ้มกันการโจมตีทางอากาศและการโจมตีด้วยขีปนาวุธ”
พร้อมกันนี้ เอสเปอร์ยังบอกด้วยว่า สหรัฐฯ จะเร่งดำเนินการจัดส่งยุทโธปกรณ์ให้กับซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เร็วขึ้นกว่าเดิม
นอกเหนือจากการส่งกองกำลังทหารไปคุ้มกันจุดเสี่ยงเพิ่มเติม สหรัฐฯ ก็ยังได้ประกาศคว่ำบาตรขั้นสูงสุด และขึ้นบัญชีดำธนาคารกลางอิหร่าน รวมถึงสถาบันการเงินรายใหญ่อีกสองแห่งในประเทศ ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันอีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: