คืนวันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่นประเทศไทย (20 กันยายน) Huawei ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนในตระกูล Mate รุ่นใหม่ ‘Huawei Mate 30 Series’ ที่มิวนิก ประเทศเยอรมนี ท่ามกลางการจับตามองของสื่อมวลชนและผู้ที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
เพราะ Mate 30 จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกของ Huawei ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำแบนห้ามบริษัทในประเทศทำธุรกิจด้วยตั้งแต่พฤษภาคมที่ผ่านมา
Mate 30 Series ที่เปิดตัวในครั้งนี้มาพร้อมกันถึง 2 โมเดลคือ Mate 30 และ Mate 30 Pro จุดเด่นอยู่ที่หน้าจอ OLED แบบโค้งขนาด 6.62 นิ้ว และ 6.53 นิ้ว (Pro) พร้อมปรับเลย์เอาต์กล้องหลังแบบใหม่ในรูปทรงวงกลมวงแหวน Halo โดยในโมเดล Mate 30 ใช้กล้องหลัง 3 เลนส์ SuperSensing Triple Camera (SuperSensing 40MP, Ultra Wide-angle 16MP และ Telephoto 8MP)
ส่วน Mate 30 Pro ใช้กล้องหลัง 4 ตัว (Cine Camera 40MP, SuperSensing 40MP, Telephoto 8MP และกล้อง 3D Depth Sensing) ซึ่งเลนส์ Telephoto ใน Mate 30 Series สามารถซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดมากถึง 30 เท่า ส่วนความละเอียดของกล้องหน้าใน Mate 30 และ Mate 30 Pro อยู่ที่ 24MP และ 32MP ตามลำดับ รองรับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ 3 มิติ และการสแกนลายนิ้วมือแบบฝังในหน้าจอ (In-Screen Fingerprint)
อีกจุดเด่นของ Mate 30 คือการที่มันถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานเทคโนโลยีการเชื่อมต่อในอนาคต 5G ด้วยการใช้ชิปเซต Huawei Kirin 990 5G ในเดล Mate 30 Series 5G ครบทั้งสองรุ่น ส่วนแบตเตอรี่อยู่ที่ 4,200 mAh และ 4,500 mAh ตามลำดับ รองรับชาร์จเร็ว SuperCharge และการชาร์จให้อุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับชาร์จไร้สาย (Wireless Reverse Charge)
สำหรับราคาเปิดตัวของ Mate 30 (แรม 8 GB ความจุ 128 GB) เริ่มที่ 799 ยูโร หรือประมาณ 27,000 บาท ส่วน Mate 30 Pro (แรม 8 GB ความจุ 256 GB) เริ่มที่ 1,099 ยูโร หรือประมาณ 37,000 บาท ส่วนโมเดล Mate 30 Pro 5G (แรม 8 GB ความจุ 256 GB) อยู่ที่ 1,199 ยูโร หรือราว 40,400 บาท
ท้ังนี้ข้อสังเกตคือ การที่สมาร์ทโฟน Huawei Mate 30 Series ทุกโมเดลจะไม่ได้มาพร้อมกับบริการและแอปพลิเคชันของ Google อีกต่อไป จากผลกระทบที่บริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สามารถดำเนินธุรกิจร่วมกับ Huawei ได้ ซึ่งถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ที่น่าจะสั่นคลอนความเชื่อมั่นผู้ใช้งานและคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อ Mate 30 อยู่ไม่น้อย
แต่ Huawei ก็แก้เกมด้วยการชู Huawei Mobile Services หรือแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน App Gallery ขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกแทน โดยอ้างว่ามีนักพัฒนาทั่วโลกมากกว่า 1 ล้านราย และแอปฯ ที่ใช้งานในระบบนิเวศของ HMS ได้กว่า 45,000 แอปฯ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอดูผลตอบรับหลังการวางจำหน่ายอีกทีว่า Mate 30 จะดึงดูดผู้ใช้งานได้มากน้อยแค่ไหน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
