ซาราห์ บลูม ราสกิน อดีตสมาชิกสภาผู้ว่าการระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตือนว่า ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เป็นปัจจัยลบที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกให้ขยายตัวช้าลง มากกว่าตัวมาตรการภาษีที่มีอยู่ในตอนนี้
นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเห็นตรงกันว่ามาตรการภาษีที่รัฐบาลสหรัฐฯ และจีนงัดขึ้นมาตอบโต้ซึ่งกันและกัน เป็นปัจจัยที่บั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แต่ ราสกิน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แสดงความเห็นกับ CNBC ว่า หนึ่งในปัจจัยที่ถ่วงการเจริญเติบโตของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก แท้จริงแล้วคือความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
ราสกินกล่าวว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าสงครามการค้าจะยุติลงอย่างไร ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจึงไม่ส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากกว่าตัวสงครามการค้าหรือกำแพงภาษีเสียอีก
“อะไรคือจุดสิ้นสุด เป้าหมายคืออะไร และจะจบลงเมื่อใด ฉันคิดว่าความไม่แน่นอนเหล่านี้คือสิ่งที่เราควรพยายามกำจัดทิ้ง เพราะมันทำให้เศรษฐกิจขยายตัวช้าลงกว่าที่ควรจะเป็น” ราสกินกล่าว โดยอ้างงานวิจัยของคณะนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ
คณะเจรจาของสหรัฐฯ และจีนมีกำหนดประชุมหารือกันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในสัปดาห์นี้ เพื่อกรุยทางสู่การเจรจาระดับรัฐมนตรีในช่วงต้นเดือนตุลาคม โดยสื่อจีนคาดหวังว่าการประชุมรอบนี้จะมีความคืบหน้าที่สำคัญ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมากดดันให้จีนเร่งทำข้อตกลงให้เสร็จสิ้นก่อนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปลายปีหน้า
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
