เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความผ่าน @BarackObama ระบุว่าตนและ มิเชล โอบามา อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ แสดงความเสียใจกับทุกครอบครัวที่ตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุกราดยิงที่เมืองเอลปาโซ รัฐเท็กซัส และที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
— Barack Obama (@BarackObama) August 5, 2019
ในข้อความยังระบุอีกว่าขณะนี้ข้อมูลต่างๆ กำลังถูกเปิดเผยเพิ่มมากขึ้น แต่มีบางสิ่งที่เราเองก็ได้รับรู้แล้วว่าพวกมันเป็นความจริง ประการแรกคือไม่มีชาติไหนในโลกที่จะมีประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุกราดยิงได้มากเท่ากับที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ไม่มีใครอดทนอดกลั้นกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากอาวุธปืนเหมือนกับที่เราทำ ทุกครั้งที่เกิดเหตุกราดยิงขึ้น เรามักพูดเสมอว่ากฎหมายที่มีความเข้มงวดและรัดกุมยิ่งขึ้นไม่สามารถช่วยหยุดฆาตกรทั้งหมดได้ ไม่สามารถหยุดผู้ที่มีอาการป่วยทางจิตทุกคนให้เข้าถึงอาวุธปืนและนำมันมากราดยิงผู้คนบริสุทธิ์ในพื้นที่สาธารณะได้ แต่มีหลักฐานยืนยันว่ากฎหมายที่เข้มงวดขึ้นจะช่วยหยุดยั้งการสังหาร ช่วยให้บางคนรอดชีวิต ช่วยให้บางครอบครัวไม่ต้องใจสลายเพราะสูญเสียคนที่พวกเขารัก พวกเราไม่ได้ไร้ประโยชน์ ถ้าหากเรายืนหยัดและเดินหน้าเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายครอบครองอาวุธปืนเสรีต่อไป แม้ว่าโศกนาฏกรรมเหล่านี้จะยังคงเกิดขึ้นก็ตาม
ประการที่สองคือ แม้สาเหตุและแรงจูงใจในการลงมือก่อเหตุยังไม่ได้รับการเปิดเผยทั้งหมด แต่ก็มีปัจจัยบางประการที่บ่งชี้ได้ว่าเหตุกราดยิงที่เมืองเอลปาโซ รัฐเท็กซัสนั้นอาจเกิดจากการที่คนบางกลุ่มโอบรับเอาแนวคิดเหยียดความเป็นอื่น และเห็นพ้องกับการใช้ความรุนแรงเพื่อให้ได้มาซึ่งความยิ่งใหญ่ของกลุ่มคนผิวขาว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับกลุ่มผู้สนับสนุน ISIS และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ที่มักจะลงมือกระทำการเพียงลำพัง โดยเสพข้อมูลสุดโต่งต่างๆ จากเว็บไซต์คลั่งชาตินิยมของกลุ่มคนผิวขาวที่มีอยู่มากมายในโลกอินเทอร์เน็ต นั่นหมายความว่าหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายและแพลตฟอร์มของโลกอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องร่วมมือกันวางกลยุทธ์ที่ดีกว่านี้ เพื่อลดอิทธิพลของกลุ่มคนที่สร้างความเกลียดชังเหล่านี้
แต่สิ่งที่สำคัญคือเราทุกคนจะต้องยึดถือค่านิยมเกี่ยวกับความอดทนอดกลั้น เคารพต่อความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งควรจะเป็นหัวใจหลักของความเป็นประชาธิปไตยของพวกเรา โดยเราควรที่จะปฏิเสธคำพูดที่ออกมาจากปากของผู้นำของเราที่สร้างบรรยากาศของความกลัว ความเกลียดชัง รวมถึงทำให้การเหยียดผู้อื่นกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำที่พยายามทำให้คนที่แตกต่างจากเราดูเลวร้าย พยายามบอกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้อพยพคุกคามวิถีชีวิตของพวกเรา หรืออ้างถึงคนกลุ่มอื่นๆ ในลักษณะที่ต่ำกว่าความเป็นมนุษย์ หรือบอกว่าสหรัฐฯ เป็นของกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียว สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่มีอะไรใหม่ มันล้วนแล้วแต่เป็นรากลึกของโศกนาฏกรรมของมวลมนุษยชาติที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการตกเป็นทาส กฎหมายแบ่งแยกผิวสี การฆ่าคนยิว การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุในรวันดาและในคาบสมุทรบอลข่าน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ควรมีพื้นที่ในทางการเมืองและในพื้นที่สาธารณะของพวกเรา ถึงเวลาแล้วที่พลเมืองอเมริกันส่วนใหญ่จากทุกเชื้อชาติ ทุกความเชื่อ และทุกพรรคการเมืองจะร่วมมือกันแสดงพลัง
โดยข้อความดังกล่าวขณะนี้มียอดรีทวีตมากกว่า 2.2 แสนครั้ง และมียอดกดไลก์ทะลุ 7 แสนไลก์ภายในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งทวิตเตอร์ของ บารัก โอบามา มียอดผู้ติดตามสูงถึง 107.6 ล้านคน มากกว่าผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันอย่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถึง 45 ล้านคน
ภาพ: John MacDougall / AFP / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
