สหรัฐฯ เตรียมถอนตัวจากสนธิสัญญานิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF) อย่างเป็นทางการในวันนี้ (2 ส.ค.) หลังรัสเซียประกาศระงับพันธกรณีในข้อตกลงไปก่อนหน้านี้ ซึ่งสร้างความวิตกว่าจะเกิดการแข่งขันสะสมอาวุธทำลายล้างสูงระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางทหารอีกครั้ง
สนธิสัญญาดังกล่าวจัดทำขึ้นในสมัยสงครามเย็น และลงนามโดย โรนัลด์ เรแกน และมิคาอิล กอร์บาชอฟ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตในเวลานั้น โดยมีข้อกำหนดให้ประเทศคู่สัญญาหยุดการพัฒนาและใช้ขีปนาวุธที่มีพิสัยทำการในช่วง 500-5,500 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) กล่าวหารัสเซียว่าละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยมีการนำขีปนาวุธรุ่นใหม่แบบ 9M729 ที่อยู่ในข่ายถูกแบน เข้าประจำการในกองทัพ กระนั้นรัสเซียได้ยืนกรานปฏิเสธมาตลอด ขณะที่สหรัฐฯ ขู่ว่าจะถอนตัวจากสนธิสัญญา โดยให้เวลารัสเซียปฏิบัติตามข้อตกลงภายในกำหนดเส้นตายวันที่ 2 สิงหาคม
ด้าน อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติเตือนว่า การตัดสินใจถอนตัวจากสนธิสัญญานิวเคลียร์ของสหรัฐฯ จะเพิ่มความเสี่ยงนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาทางทำข้อตกลงใหม่เพื่อควบคุมอาวุธ
เมื่อเดือนที่แล้ว เยนส์ สตูลเทนแบร์ก เลขาธิการ NATO เตือนว่า ขีปนาวุธใหม่ของรัสเซีย ซึ่ง NATO ตั้งชื่อว่า SSC-8 นั้น ละเมิดสนธิสัญญาอย่างชัดเจน สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ ตรวจจับด้วยระบบเรดาร์ได้ยาก และสามารถโจมตีเมืองสำคัญในยุโรปได้ภายในไม่กี่นาที
ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่า การฉีกสนธิสัญญาจำกัดอาวุธนิวเคลียร์จะนำไปสู่การแข่งขันสะสมอาวุธระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย รวมถึงจีนด้วย
“ตอนนี้สนธิสัญญาไม่มีแล้ว เราจะเห็นการพัฒนาและนำอาวุธใหม่เข้าประจำการ ซึ่งรัสเซียพร้อมแล้ว” พาเวล เฟลเจนฮอยเออร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธรัสเซียให้ความเห็นกับสำนักข่าว AFP
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: