- เจอโรม เพาเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ย้ำแรงกดดันทางการเมืองไม่อาจแทรกแซงความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบายการเงินของ Fed ได้ พร้อมแสดงความเห็นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่ายังคงให้น้ำหนักไปที่อัตราเงินเฟ้อและการจ้างงาน ซึ่งปัจจุบันยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม หากความไม่แน่นอนจากการเจรจาการค้าส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ Fed ก็พร้อมสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการทางการเงิน
- กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ทั้ง HP, Best Buy และ Hallmark Cards ออกมาเตือนเกี่ยวกับผลกระทบจากการตั้งกำแพงภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยระบุว่าภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ อาจสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับสินค้าต่างประเทศที่ไม่ได้ผลิตจากจีน นอกจากนี้มาตรการดังกล่าวยังส่งให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น เนื่องจากต้นทุนภาษีที่สูงขึ้น
- จับตาการประชุม กนง. แถลงการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75% สิ่งที่น่าติดตามคือการปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงความเห็นเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต
- จีนระงับการนำเข้าเนื้อสัตว์จากแคนาดา หลังตรวจพบสารตกค้างจากสารเติมแต่งอาหารสัตว์ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากจีนในเนื้อสุกรของแคนาดา และพบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารใบรับรองสุขภาพสัตว์มากถึง 188 ใบ นอกจากนี้จีนยังตรวจพบว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยด้วย ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของแคนาดาระบุในแถลงการณ์ว่า หน่วยงานด้านอาหารของแคนาดา (CFIA) กำลังตรวจสอบกรณีดังกล่าว และได้แจ้งต่อหน่วยงานด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว
- จับตายอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคม โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 0.1% จากครั้งก่อนที่คงที่จากเดือนก่อนหน้า
สภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัว หลังตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่สหรัฐฯ ประกาศวานนี้ออกมาต่ำกว่าคาด โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายนชะลอตัวที่ 121.5 ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 131.1 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า ส่วนยอดขายบ้านใหม่เดือนพฤษภาคมในสหรัฐฯ ก็หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สองที่ระดับ -7.8% ซึ่งต่ำกว่าคาดเช่นกัน ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าจะกลับมาขยายตัวได้ที่ระดับ 1.9%
- สมาคมนักวิเคราะห์ไทยมองว่า Fund flow ต่างชาติมีแนวโน้มสูงถึง 1 แสนล้านบาท และคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะเชื่อว่าได้ปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจไทยที่เข้มแข็ง การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จะช่วยให้เกิดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ประกอบกับทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้มีโอกาสที่ Fund flow ต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย
ยุโรป
- STOXX600 ปิดที่ 383.40 ลดลง 0.40 (-0.10%)
- DAX ปิดที่ 12,228.44 ลดลง 46.13 (-0.38%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7,422.43 ลดลง 5.74 (+0.08%)
- FTSE MIB ปิดที่ 21,128.41 ลดลง 155.69 (-0.73%)
เอเชีย
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,658.00 ลดลง 7.40 (-0.11%)
- Shanghai ปิดที่ 2,982.07 ลดลง 26.07 (-0.87%)
- Hang Seng ปิดที่ 28,185.98 ลดลง 327.02 (-1.15%)
- KOSPI ปิดที่ 2,095.41 ลดลง 7.74 (-0.37%)
- BSE Sensex ปิดที่ 39,434.94 เพิ่มขึ้น 311.98 (+0.80%)
- Nikkei ปิดที่ 21,162.94 ลดลง 123.05 (-0.58%)
- SET ปิดที่ 1,721.33 เพิ่มขึ้น 5.33 (+0.31%)
อเมริกา
- DOW30 ปิดที่ 26,548.22 ลดลง 179.32 (-0.67%)
- S&P500 ปิดที่ 2,917.38 ลดลง 27.97 (-0.95%)
- NASDAQ ปิดที่ 7,884.72 ลดลง 120.98 (-1.51%)
Commodities
- ราคาน้ำมัน WTI ปิดที่ 57.83 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.07 (-0.10%)
- ราคาน้ำมัน BRENT ปิดที่ 65.02 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.19 (-0.30%)
- ราคาทองคำ COMEX ปิดที่ 1,418.70 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.50 (+0.04%)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: Infoquest, Bloomberg, Investing