×

จาก ‘ประตูสู่โลกการลงทุน’ สู่ ‘มองขาดทุกโอกาสการลงทุน’ ถอดแนวคิดเส้นทางการรีแบรนด์ครั้งใหม่ของ Finnomena [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
09.03.2024
  • LOADING...
Finnomena

“การลงทุนก็เหมือนกับการวิ่งมาราธอน ไม่มีใครที่วันดีคืนดีอยากจะวิ่งแล้วทำได้จบได้ในเพียงเวลาสั้นๆ การลงทุนเป็นเช่นเดียวกัน มันมีเส้นทางของมัน คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนเคยขาดทุนทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ ฝึกฝนพัฒนา และปรับปรุงตัวเอง ซึ่งจะเป็นกุญแจนำเราไปสู่เป้าหมายความมั่นคงทางการเงินได้” กสิณ สุธรรมนัส Chief Strategy Officer, Finnomena Group กล่าว

 

 

หากพูดถึงการลงทุน หลายคนคงจะคิดถึงการลงแรงกับเวลาไปกับการทำความเข้าใจเพื่อที่จะให้ตนเองสามารถเดินหน้าลงทุนได้อย่างมั่นใจ แต่ด้วยจำนวนข้อมูลที่มหาศาลที่ต้องนำมาคิดพิจารณา เหตุผลนี้เองจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้กีดกันกลุ่มคนที่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้มาเป็นนักลงทุนมีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

 

จากสถิติที่ Finnomena ได้ทำการสำรวจในปี 2024 พวกเขาพบว่ามีคนไทยวัยทำงานอยู่กว่า 40 ล้านคน แต่เชื่อหรือไม่ว่าในกลุ่มคนทั้งหมดนี้เองมีเพียง 2 ล้านคนที่ตัดสินใจเลือกลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งถ้าเทียบกับสหรัฐฯ ที่ 58% ตัวเลขของคนไทยกำลังแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยยังมีอัตราการลงทุนที่น้อยมาก แต่ในขณะเดียวกันกลับมีคนไทยวัยทำงานมากถึง 21 ล้านคนที่หันไปพึ่งสลากกินแบ่งรัฐบาลในการเป็นเครื่องมือเพื่อลุ้นให้ตัวเองมี ‘ความมั่นคง’ ทางการเงิน

 

ด้วยช่องว่างทางความรู้และโอกาสที่จะสร้างประเทศไทยให้กลายเป็นสังคมที่ผู้คนเห็นความสำคัญของการลงทุน จุดเริ่มต้นของ Finnomena จึงเกิดขึ้นมาจากแนวคิดที่ทางบริษัทต้องการจะเป็น ‘ประตูสู่โลกการลงทุน’ เพื่อปลดล็อกศักยภาพนักลงทุนผ่านความรู้ด้านการเงิน พร้อมทั้งส่งต่อแนวคิดและนำเสนอเนื้อหาการลงทุนที่ให้คุณค่าให้กับคนไทย

 

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นกลายเป็นหัวใจสำคัญให้คนจำนวนมากลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม Finnomena จนปัจจุบันสามารถเติบโตมีมูลค่าการลงทุนภายใต้แพลตฟอร์ม (AUA) กว่า 4 หมื่นล้านบาท ด้วยจำนวนสมาชิกบนแพลตฟอร์มกว่า 600,000 ราย และบัญชีลงทุนบนแพลตฟอร์มกว่า 280,000 พอร์ต ได้รับรางวัล The Most Innovative WealthTech Firm ของประเทศไทย รวมถึงยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทะลุ 1 ล้านครั้งไปแล้ว

 

‘Ahead of the Game’ เพราะโลกการลงทุนไม่เคยหยุดนิ่ง

ด้วยสภาวะความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของธุรกิจและเทคโนโลยีในโลกการลงทุน Finnomena ตระหนักดีว่าเคล็ดลับความสำเร็จของการลงทุนในยุคปัจจุบันจำเป็นจะต้องมองขาดทุกโอกาสการลงทุน บริษัทจึงเลือกเส้นทางกลยุทธ์ต่อจากนี้โดยโฟกัสความเป็น ‘Ahead of the Game’ ซึ่งไม่เพียงเป็นตัวกลางในการส่งมอบโอกาสเท่านั้น แต่คือการรู้ให้ทันต่อสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อการลงทุน วิเคราะห์ให้ออก อ่านให้ขาดว่าจะต้องลงมือทำอย่างไร

 

“ยุคนี้การลงทุนระยะยาวแบบซื้อแล้วถือยาวอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว แต่เราต้องซื้อให้ฉลาด เข้าให้ถูกจังหวะ และออกอย่างมีกลยุทธ์” ชยนนท์ รักกาญจนันท์ ซีอีโอ Finnomena Funds กล่าว

 

 

สำหรับเป้าหมายบนเส้นทางใหม่ของ Finnomena ครั้งนี้ พวกเขามุ่งมั่นที่จะทำให้คนไทย 1 ล้านคน สามารถไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้สำเร็จ โดยมีเป้า AUA ทะลุ 1 แสนล้านบาทภายในปี 2569 ด้วย 4 กลยุทธ์เพื่อประสบการณ์การลงทุนที่ครอบคลุมกว่าเดิมดังนี้

 

  • Product ที่หลากหลายมากขึ้นจากเป้าหมายของนักลงทุนที่ต่างกัน ทั้งกองทุนรวม ตราสารหนี้ หุ้นกู้คราวด์ฟันดิ้ง เงินฝาก (e-Savings) สินเชื่อออนไลน์ระหว่างบุคคล และอีกมากมายที่กำลังตามมาในอนาคต 
  • Platform ที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การลงทุนให้ครบจบในที่เดียว ทั้งแหล่งความรู้ (Knowledge Hub), แพลตฟอร์มซื้อขาย (Trading Platform), นวัตกรรมวางแผนการลงทุนระดับโลก Goals Navigator และโทเคนดิจิทัลที่มอบสิทธิประโยชน์อย่าง FINT Token
  • Partner คุณภาพทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น องค์กรการบริหารจัดการการลงทุนระดับโลกอย่าง Franklin Templeton, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทั้ง 21 แห่งในประเทศไทย รวมถึงกูรูด้านการลงทุนหลากหลายแขนง 
  • Service บริการที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดแก่นักลงทุน ด้วยคำแนะนำที่เป็นกลางจากการวิเคราะห์เชิงลึก เสริมทัพด้วยทีมที่ปรึกษาการลงทุนที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ผ่านคำแนะนำซื้อขายหลากหลายสไตล์ เช่น FundTalk Call, Mr.Messenger Call, Definit MEVT Call เป็นต้น

 

หนึ่งในตัวอย่างที่ตอกย้ำความเป็น Ahead of the Game ของบริษัทคือการสร้างเครื่องมือที่สามารถเรียกดูความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ (Probability of Default) กว่าพันบริษัทได้แบบรายวัน หรือจะเป็นตัวที่เรียกว่า Altman Z-Score ที่เอาไว้ใช้ประเมินความมั่นคงทางการเงินซึ่งดูได้แบบรายไตรมาส ในขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agencies) ดูได้แค่ปีละครั้ง

 

“เรามองว่าที่ Finnomena ความรู้นักลงทุนต้องมาก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมเราจึงสามารถสร้างคอมมูนิตี้หรือชุมชนที่แข็งแรงได้ จนผู้ใช้งานเห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาได้รับจากเรา ซึ่งปัจจัยนี้เองที่ทำให้ Finnomena แตกต่างและเติบโตขึ้นมาได้ถึงทุกวันนี้” เจษฎา สุขทิศ ซีอีโอ Finnomena Group กล่าวเสริม

 

 

นอกจากการปรับเชิงกลยุทธ์แล้ว Finnomena ยังได้ปรับโฉมโลโก้ที่สะท้อนความชัดเจนของตัวตนองค์กรให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการใช้รูปแบบสัญลักษณ์ของกราฟแท่งเทียน (Candlestick) เข้ามาเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบที่แสดงถึงจุดสูงสุด จุดต่ำสุด และการคาดการณ์แนวโน้มการลงทุนให้ได้อย่างแม่นยำที่สุด

 

อัปเดตความเสี่ยงและโอกาสการลงทุนปี 2024 

ภายในงานยังมีการอัปเดตมุมมองการลงทุนในปีนี้จากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหลายท่าน โดย THE STANDARD WEALTH ขอสรุปภาพรวมดังนี้

 

ตราสารหนี้ – ตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยยังถือว่าเป็นประเภทสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากโดยมีมูลค่าตลาดสูงถึง 16.8 ล้านล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะมีสินทรัพย์อย่างหุ้นกู้ 4.75 ล้านล้านบาท (แบ่งเป็น Investment Grade 92% และ High Yield 8%) ที่มีนักลงทุนบุคคลธรรมดาถือครองอยู่กว่า 39% จากการที่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อความเสี่ยง

 

หุ้นกลุ่มประเทศพัฒนา – สำหรับประเทศพัฒนา (Developed Markets) ที่เติบโตได้ค่อนข้างดีมากช่วงปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของกลุ่มหุ้น ‘7 นางฟ้า’ แต่มาในปี 2024 ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย ตลาดจึงยังมีแนวโน้มที่จะไปต่อได้ แต่จะเติบโตแบบกระจายตัวลงมาสู่กลุ่มหุ้นขนาดกลาง (Mid-Cap) ด้วย ทั้งนี้ยังหนุนให้หุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาโดดเด่นมาจากปัจจัยความเป็นสินค้าที่สอดรับกับเทรนด์แห่งอนาคตที่คนทั่วโลกต้องการและมีความมั่นคงและโปร่งใสในตลาดทุน โดยประเทศที่น่าสนใจยังคงเป็นสหรัฐฯ 

 

หุ้นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา – หนึ่งประเทศที่น่าจับตาคืออินเดีย เพราะอีก 2 ปีมีโอกาสที่อินเดียจะก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐกิจเบอร์ 3 เนื่องจากการย้ายถิ่นฐานการผลิตและปัจจัยด้านประชากรที่กำลังผลักดันการเติบโตของประเทศนี้ ต่อมาที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือเวียดนาม โดยปัจจัยสนับสนุนหุ้นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาคือแนวโน้มที่การลดดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งน่าจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าและเงินน่าจะไหลออกจากตลาดสหรัฐฯ ไปสู่ประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้น

 

หุ้นไทย – ในส่วนของบ้านเรา เนื้อหาอาจจะไม่ได้ลงลึกในตลาดหุ้นประเทศไทยสักเท่าไร เพราะหลายคนมองตลาดหุ้นไทยหมดเสน่ห์ โดยในประเด็นนี้ ผู้เชี่ยวชาญก็ได้กล่าวแนะนำสำหรับภาครัฐให้พิจารณานโยบายที่สร้างแรงจูงใจให้กับฝั่งนักลงทุนด้วย เช่น การลดภาษีหากขาดทุน เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนที่จะนำมาสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถยกระดับศักยภาพของประเทศไทยให้ได้

 

สุดท้ายนี้ สิ่งที่เราคิดว่าเป็นคำพูดเตือนใจที่ดีสำหรับนักลงทุนทุกคนต่อจากนี้คือแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนทิศ โดย วศิน วัฒนวรกิจกุล นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทยกล่าวไว้แบบนี้

 

“ตลาดทุนทั่วโลกจะซับซ้อน เสี่ยง และเชื่อมโยงกันมากขึ้น นักลงทุนเริ่มมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เกมตอนนี้เปลี่ยนจากเดิมที่้เป็นการสร้างกำไรให้ได้สูงที่สุดกลับกลายมาเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยง”

 

 

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising