ภูมิประเทศอันงดงามส่งภูเก็ตเลื่อนขั้นเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก กลายเป็นสถานที่ตากอากาศของนักพักผ่อนกระเป๋าหนักที่มีไลฟ์สไตล์เที่ยวแบบฟุ้งเฟ้อ รีสอร์ตแบรนด์ดังมีให้เห็นดาษดื่น ร้านอาหารหรูเทียบระดับมิชลินกระจายอยู่ทั่ว ยังไม่รวมคลับริมทะเลและยอชต์ส่วนตัวอีกนับร้อย การพักวิลล่ามีดีไซน์ริมผาพร้อมบัตเลอร์ 24 ชั่วโมงไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกอิริยาบถต้องเอ็กซ์คลูซีฟ เมื่อความฟุ้งเฟ้ออบอวลเต็มอากาศและพร้อมเผาผลาญทรัพยากรจังหวัดภูเก็ตอย่างเต็มที่ การท่องเที่ยวอีกรูปแบบจึงเกิดขึ้นคู่ขนาน โดยมุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวใส่ใจสิ่งแวดล้อม รู้รักษ์วิถีชุมชน และเลือกรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่า Green Tourism
Green Tourism หรือการท่องเที่ยวสีเขียว มิใช่คำใหม่ การเที่ยวแบบสีเขียวไม่จำเป็นต้องบุกป่าฝ่าดง นอนเต็นท์ เที่ยวป่าเขาลำเนาไพร ใช้ชีวิตแบบ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ในรายการ Navigator แต่เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบยั่งยืน คุณสามารถนอนโรงแรม 5 ดาว กินอาหารหรู แต่เน้นกิจกรรมหรือทางเลือกที่ส่งผลต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เป็นการท่องเที่ยวควบคู่กับการรักษาและอนุรักษ์ทั้งธรรมชาติและวิถีชุมชนดั้งเดิม
บ้านบางโรง ชุมชนสีเขียว
ชุมชนบ้านบางโรง ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง เป็นหนึ่งในหลายชุมชนของจังหวัดภูเก็ตที่ตอบรับการเที่ยวแบบ Green Tourism ชุมชนเก่าดั้งเดิมอายุกว่า 200 ปี อาศัยมานานก่อนชาวบ้าบ๋า-ย่าหยาที่เราคุ้นเคยเสียอีก สถานที่แรกที่ไปเยือนคือผืนป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่ง ประเสริฐ ฤทธิ์รักษา ผู้ดำเนินงานการท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์บ้านบางโรง เผยให้ฟังว่ากว่าจะเขียวชอุ่มเช่นปัจจุบัน ชาวบ้านต้องช่วยกันสร้างและรักษาเลือดตาแทบกระเด็น เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยถูกตัดและขายส่งโรงงานทำถ่านหมด เหลือไว้ก็แต่ตอไม้ สัตว์น้ำที่เคยมีก็หายเกลี้ยง กว่าจะฟื้นฟูได้ก็ใช้เวลาหลายสิบปี จนมีกฎเหล็กในชุมชนว่าห้ามตัดไม้โกงกางโดยไม่จำเป็น และห้ามจับปูแสมอย่างเด็ดขาด เพราะหายาก และเมื่อมีป่าก็มีปู มีลิง มีสัตว์น้ำ นักท่องเที่ยวก็ตามเข้ามาชม มาอาศัย ชุมชนจึงตัดสินใจตั้งกลุ่มท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์บ้านบางโรงขึ้น พัฒนาจนได้รับรางวัลชุมชนดีเด่นจากการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือรางวัลกินรี ประจำปี 2553 จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ระแนงไม้ยาวกว่า 1 กิโลเมตรทอดขนาบป่าชายเลนและลำคลอง สองฟากฝั่งมีแต่สีเขียวของใบโกงกางขนาดเล็กใหญ่สลับซับซ้อน ตลอดทางเดินเราสามารถศึกษาระบบนิเวศคลองบางโรง ดูปูแสมที่เกาะอยู่ตามต้นไม้ ถ้าช่วงน้ำลงก็เห็นปลาตีนและปูก้ามดาบเต็มไปหมด ระหว่างดูขอให้ระวังทรัพย์สินสักนิด เก็บของแวววาวและของมีค่าไว้อย่างมิดชิด ด้วยนิสัยชอบของแวววาวของลิงแสมอาจก่อกวนและเกิดอันตรายได้ ส่วนใครที่ไม่อยากเดินเที่ยวชม สามารถพายเรือแคนูศึกษาระบบนิเวศ หรือดูการเลี้ยงปลาในกระชังของชาวบ้านก็ได้เช่นกัน
จากป่าชายเลนริมคลองบางโรง แวะไปดูอีกหนึ่งกิจกรรมของชุมชน มณีรัตน์ฟาร์มแพะ ตั้งอยู่ห่างออกไปราว 15 นาที ฟาร์มแพะขนาดเล็กที่เปลี่ยนระบบความคิดของเราใหม่อย่างสิ้นเชิง คุณลุงคุณป้าเจ้าของฟาร์มเริ่มต้นเลี้ยงแพะด้วยเพราะอยากรักษาอาการภูมิแพ้ของลูกสาวซึ่งนับวันยิ่งรุนแรงขึ้น โดยเริ่มต้นจากการศึกษาผ่านยูทูบ หาข้อมูลตามห้องสมุด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นจึงทดลองเลี้ยงตามกำลังความรู้ ปรับปรุงและคิดวิธีการเลี้ยงขึ้นมาใหม่จนประสบความสำเร็จกลายเป็นฟาร์มแพะตัวอย่างของจังหวัด ที่นี่มีแพะทั้งหมดเกือบ 50 ตัว ส่วนใหญ่เลี้ยงเพื่อรีดนมขาย โรงเรือนสะอาดถูกสุขอนามัยมาก สูงจากพื้นดินราว 2 เมตร โปร่งโล่ง ไม่เหม็นอับ แพะทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง อารมณ์ดี เป็นมิตร เดินเล่นไปมาระหว่างคอก อวดตัวกับนักท่องเที่ยวแบบไม่เกี่ยงงอน ที่น่าประหลาดกว่าคือทุกตัวไม่มีกลิ่นเหม็น สะอาดจนฉงนว่าทำได้เช่นไร คุณลุงคุณป้าจึงเฉลยให้ฟังว่านอกจากไม่มีกลิ่นสาบ นมแพะที่ได้ก็ไร้กลิ่นเช่นกัน พอลองแล้วก็จริงอย่างว่า ทั้งหมดเหตุเพราะความสะอาดประการเดียว
น้ำตกบางแป เป็นน้ำตกขนาดเล็กซึ่งมีน้ำใสไหลเย็นชุ่มฉ่ำตลอดปี ห่างจากตำบลป่าคลอกเพียง 7 กิโลเมตร บริเวณตัวน้ำตกมีโขดหินค่อนข้างมาก มีธารน้ำเป็นแอ่งน้ำ สามารถลงเล่นน้ำได้ หากแต่ต้องออกแรงเดินกันนิดหน่อย ระหว่างทางก็ดูนกชมไม้กันไป คนมาเที่ยวน้ำตกส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านท้องถิ่นซึ่งนิยมใช้วันหยุดคลายร้อนกันที่นี่เพื่อเล่นน้ำ ปิกนิก สูดอากาศบริสุทธิ์เพลินๆ ใกล้ทางเข้ายังเป็นสถานอนุบาลชะนีในโครงการคืนชะนีสู่ป่า จัดตั้งขึ้นเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของชะนี ซึ่งส่วนใหญ่ถูกมนุษย์นำมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ฆ่าพ่อฆ่าแม่แล้วจับลูกมาขาย บางตัวก็โดนทารุณตามผับบาร์ บางตัวก็ถูกขังจนดุร้าย ทางศูนย์มีหน้าที่เลี้ยง รักษา และปรับพฤติกรรมให้พร้อมก่อนส่งคืนสู่ป่าต่อไป
เที่ยวสีเขียวกับ จอห์น เกรย์
จอห์น เกรย์ คือใคร คำถามนี้อยู่ในหัวฉันมาตลอดตั้งแต่เห็นตารางครั้งแรกว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนไปล่องกับจอห์น เกรย์
จอห์นเป็นชายสูงวัยที่ชอบใช้เวลาว่างไปกับกิจกรรมโลดโผน เคยเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล วินเซิร์ฟ และแคนู ฯลฯ ด้วยใจรักกิจกรรมทางน้ำทำให้เขากลายเป็นนักสำรวจตัวยง ใช้เวลาว่างไปกับการพายแคนูสำรวจเกาะแก่ง จอห์นสำรวจมาแล้วทุกถ้ำทั้งในฟิจิ ตาฮิติ หรือฮาวาย ราวปี 1980 จอห์นเริ่มต้นสำรวจเกาะแก่งในไทย เขามาเที่ยวอ่าวพังงาแล้วพบว่าลักษณะเกาะแก่งช่างคล้ายคลึงฮาลองเบย์ของเวียดนาม เป็นภูเขาหินปูนอันเกิดจากการดันตัวของเปลือกโลก ถ้ำ และลากูนต่างๆ ที่ถูกค้นพบ ซึ่งหลายแห่งกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในปัจจุบัน
เรือของจอห์นเป็นเรือประมงท้องถิ่นขนาดกลาง 2 ชั้น สามารถพบเจอได้ทั่วไป ชั้นบนใช้เป็นส่วนรับแขก ด้านล่างเป็นห้องครัวและที่เก็บเรือแคนูและคายัก จอห์นบอกว่าเหตุที่ใช้เรือประมงเพราะอยากช่วยชาวบ้าน ทัวร์ของจอห์นคือการเที่ยวแบบเป็นมิตรกับธรรมชาติและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
ขณะที่ทัวร์อื่นพานักท่องเที่ยวทยอยกลับเข้าฝั่ง จอห์นเลือกใช้เวลานี้ในการเริ่มทัวร์สำรวจเกาะพนัก จังหวัดพังงา แคนูลำน้อยลัดเลาะผ่านโถงถ้ำมืดสนิทก่อนออกสู่ทะเลในสีมรกต มีไม้โกงกางอายุนับร้อยตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำ ตามพื้นดินเลนเต็มไปด้วยปลาตีนครีบน้ำเงินและปูก้ามดาบ จากถ้ำกลับสู่ภายนอก ลัดเลาะริมฝั่งชมความงามของหินงอกหินย้อย ดูนก ดูปลา และสัตว์น้ำ ฉันมองเห็นฝูงเคยกระโดดดีดตัวไปมายามเมื่อต้องไม้พาย ปูทะเลสีเขียวขนาดเท่ากับปูแสมเกาะไต่ตามผาหิน ฯลฯ แคนูหนึ่งลำมีไกด์นำทัวร์หนึ่งคน ทำหน้าที่ให้ความรู้และบังคับเรือควบคู่ไปด้วย ไม่ต้องกลัวหลง กลัวเมื่อย แต่ถ้าอยากพายเองเมื่อใดก็เพียงแจ้งความจำนงต่อเจ้าหน้าที่ มีเรือเพียงพอสำหรับทุกคน
นอกจากกิจกรรมสำรวจถ้ำและทะเล ในเกาะพนักยังมีหน้าหาดให้นักท่องเที่ยวเอกเขนกอยู่อีกฟากของเกาะ จะนอนผึ่งแดด ถ่ายรูป อ่านหนังสือ พายคายัก หรือเลือกทำกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ก็ได้ตามอัธยาศัย พักผ่อนเติมพลังเสร็จแล้วบุกตะลุยต่อกับโปรแกรมสำรวจเกาะห้องซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 45 นาที เกาะห้องมีบลูลากูนหรือทะเลในอยู่ 4 แห่ง ต้องลัดเลาะโขดหินจากห้องหนึ่งสู่ห้องหนึ่ง ทีเด็ดอยู่ที่ฉากพระอาทิตย์ตกลาลับขอบฟ้าท่ามกลางเสียงเพรียกของธรรมชาติและเสียงสัตว์ป่าสะท้อนแว่วมาตามลม หากแต่การทัวร์เกาะห้องยังไม่จบสิ้น หลังอาหารมื้อเย็นยามฟ้ามืดสนิท จอห์นและลูกเรือพานักท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ลากูนอีกครั้ง บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดและมืดมิด ไม่มีแสงจากไฟฉาย มีเพียงแค่แสงจันทร์ พรายน้ำ และหิ่งห้อยที่ส่องสว่าง ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่เห็นดาวนับล้านดวงอยู่เหนือหัว แต่ประทับใจกว่าเมื่อเห็นพรายน้ำส่องแสงอยู่โดยรอบ ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวน่าอัศจรรย์เหมือนฝันราวกับฉากในการ์ตูนของวอลต์ ดิสนีย์ ทำได้แต่เก็บบันทึกไว้ในความทรงจำ เพราะไม่มีกล้องใดในโลกสามารถบันทึกความงามเหล่านี้ได้
เราตั้งเต็นท์นอนบนเกาะพนัก แม้ดวงดาวบนเกาะจะสร้างความประทับใจไม่เท่าเกาะห้อง แต่ก็ขับกล่อมให้เรานอนหลับฝันดีจนไม่อยากตื่น ฉันเก็บเต็นท์และหอบของขึ้นเรือเกือบคนสุดท้าย อาหารเช้าวันนี้เสิร์ฟแบบบุฟเฟต์ เมนูข้าวต้มปลากะพงหอมฉุย ออมเล็ตน่ารับประทาน และชากาแฟโกปี้ตำรับคนใต้ เรือลำเดิมแล่นสะเทินน้ำมาหยุดยังบริเวณแหลมแตง ส่วนหนึ่งของผืนแผ่นดินใหญ่จังหวัดกระบี่ แหล่งอาศัยของนากทะเลฝูงสุดท้ายในประเทศ เรายังคงท่องเที่ยวด้วยเรือแคนูเช่นเคย จอห์นพาคณะมาดูป่าโกงกางที่สมบูรณ์ที่สุดในละแวก ที่นี่บรรยากาศสงบเงียบ ไร้ผู้คน ผิวน้ำนิ่งสนิทสะท้อนเงารากไม้รับชะง่อนผาราวกับหลุดอยู่ในโลกดึกดำบรรพ์ ตามป่าเขามีลิงค่างกระโดดเล่นกันขวักไขว่ ในน้ำใสสะอาดแลเห็นปลาแหวกว่าย คณะเราโชคดีมากที่มีโอกาสเห็นนากทะเล และโชคคงไม่เข้าข้างฉันเท่าไรนัก เพราะเห็นเพียงไหวๆ วิ่งหนีคนหายลับไปกับตา
การเที่ยวในครั้งนี้เปิดประสบการณ์การเดินทางมาก แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่สามารถบอกได้เลยว่าประทับใจถึงขีดสุด 48 ชั่วโมงบนท้องทะเลกับจอห์น เกรย์ ฉันเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเขา จอห์นเป็นนักเดินทางที่เคารพธรรมชาติ และธรรมชาติก็ตอบแทนเขาด้วยความงามอันน่าอัศจรรย์ ตลอดการเดินทาง ฉันเห็นเขาเก็บขยะทุกชิ้นที่ลอยอยู่ในน้ำ เกยอยู่ริมหาด กำชับและเข้มงวดกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่ทำให้สัตว์ป่าเสียนิสัย
นี่คือหนึ่งตัวอย่างการเที่ยวแบบ Green Tourism ที่คุณสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ขอแค่ได้ลองเปลี่ยนมุมมองและปรับพฤติกรรม แล้วจุดหมายปลายทางเหล่านั้นจะตอบแทนด้วยการอยู่กับเราไปนานเท่านาน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- ชุมชนบ้านบางโรง 2/2 หมู่ 3 ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83110 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านบางโรง โทร. 0 7626 0144 www.bangrong.org
- John Gray’s Sea Canoe 86 ซอย 2/3 ถนนเยาวราช ตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000 โทร. 0 7625 4505 www.johngray-seacanoe.com
- Special Thanks การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โทร. 1672