“พี่ดุนะ หนูไหวเหรอ” คือโควตยอดฮิตเจ้าปัญหาที่เราพยายามหาที่มาที่ไปของมันอยู่ เพราะรู้ตัวอีกทีก็เห็นเพื่อนหลายคนเอามาเป็นประโยคสนทนากันอย่างออกรสตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมไปถึงยังกลายเป็นประโยคที่ส่งต่อไปอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ แม้แต่ ติ๊ก เจษฎาภรณ์, ต่อ ธนภพ และก้อง สหรัถ ยังเอาไปพูดให้แฟนๆ ฟัง แน่นอนว่าแฟนๆ ย่อมกรี๊ดกร๊าดในความดุของพี่ๆ เขากันอย่างมาก
ไอ้ความดุที่ว่ามันคืออะไร ใช่นิสัยหรือเปล่า หรือเราต้องรวมความหมายแฝงของคำว่า ‘ดุ’ ที่หมายถึงเซ็กซ์อันเร่าร้อน ป่าเถื่อน รุนแรง ดุดันด้วยหรือเปล่า ถ้าหากยึดตามความหมายแท้จริงของประโยคที่เกิดขึ้นจากนิยายแต่ง (Fiction) เรื่อง NCT [TAETEN] I’M TANYONG #อีตันหยง ในแอปพลิเคชัน Joylada ก็น่าจะหมายถึงอย่างหลังนั่นแหละ โดยความดุที่พลิกแพลงความหมายต่อๆ กันมาคือ ‘ความดุในเรื่องเซ็กซ์’ อาจเป็นเซ็กซ์ที่เร่าร้อนอย่างมาก ยอดเยี่ยม และรุนแรงในที แต่ถ้าให้แปลความหมายของคำว่า ‘เซ็กซ์ที่ดุ’ ตามความหมายภาษาไทยจริงๆ ก็คงหมายถึง เซ็กซ์ที่ร้าย ร้ายกาจ เหี้ยมโหด เซ็กซ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับความโกรธหรือไม่พอใจ – แต่คนเราจะร่วมรักทั้งๆ ที่โกรธกันได้เหรอ
เราสามารถนิยามความดุบนเตียงได้หลากหลาย และไม่ใช่ความโกรธหรอก บ้างอาจเป็นแรงรักที่ส่งหากันอย่างหนักหน่วง อาจจะเป็นการกรรโชกเสียง คำรามชื่อ พ่นคำด่า หรือการใช้ความรุนแรง ตบก้น ตบหน้า ซึ่งล้วนแต่เป็นความดุเท่าที่เราพอจะนึกออก เราลองมาทำความเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้กันให้ลึกซึ้งสักหน่อยดีกว่า
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง I Love You Phillip Morris (2009)
ด่าฉันสิ ด่าฉันอีก ร้องดังๆ สิ!
คุณเคยพบเจอคู่นอนที่ต้องการให้คุณส่งเสียงดังๆ ไหม ในความเป็นจริงแล้วขณะที่เรากำลังมีเซ็กซ์กันนั้น การครางเป็นเรื่องธรรมชาติที่แสดงออกถึงความพึงพอใจอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเสียงร้องของความเจ็บปวดด้วยเช่นกัน เมื่อเกิดอาการเจ็บแปลบระหว่างสอดใส่ เราจึงร้องออกมา ฉะนั้นเลเวลความดุดันของเสียงร้องมักขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน บ้างก็ชอบแบบงุ้งงิ้งเบาๆ บ้างก็ชอบการครวญครางที่เต็มเสียง บ้างด่าพ่อล่อแม่ก็มี!
จริงๆ เราสามารถพบเห็นการสบถคำหยาบออกมาระหว่างมีเซ็กซ์ได้ทั่วไป ซึ่งเห็นตัวอย่างได้ง่ายๆ จากในหนังโป๊ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม เสียงเรียกร้องให้ harder หรือใส่อารมณ์กับคำว่า f*ck อาจเป็นไปโดยธรรมชาติที่ความเสียวซ่านไปถึงขีดสุดจนต้องสบถคำผรุสวาทออกมา ตามความเห็นของ ดร.ทิโมธี บี. เจย์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาจาก Massachusetts College of Liberal Arts ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “การสบถคำหยาบระหว่างมีเซ็กซ์หรือถึงจุดไคลแมกซ์นั้นเป็นธรรมชาติที่มนุษย์จะเปล่งเสียงหรือพูดสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ระวังตัวหรือไม่ได้คิดไว้ก่อน รวมถึงมักเป็นคำที่ใช้บ่อยๆ เวลาเกิดความตื่นเต้นเมื่อทำกิจกรรมใดก็ตาม” ในขณะเดียวกันมันก็ช่วยเพิ่มความรู้สึกระหว่างทำรัก รวมถึงกระตุ้นให้เซ็กซ์ตรงหน้านั้นมีอารมณ์มากขึ้น แถมการสบถคำหยาบนั้นยังช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจลดลง ทั้งยังช่วยหลั่งอะดรีนาลีนให้คุณรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย – ฉะนั้นหากจะต้องสบถคำหยาบหรือครางให้ดังขึ้นก็ทำเลย ไม่ต้องอาย แต่ก็เอาเท่าที่คุณรับได้นะ
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades Freed (2018)
ตีฉันอีกสักที… เบบี้
สมมติว่าคู่รักของคุณดุประหนึ่ง คริสเตียน เกรย์ จาก Fifty Shades of Grey (ที่จริงๆ ก็ไม่เห็นจะดุเท่าไร) ผู้พร้อมจะฟาดคุณด้วยอุปกรณ์อะไรก็ได้ที่เขาสรรหามาได้ในขณะนั้น หรือให้คุณรับบทเป็นทาสที่ต้องทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น เราสามารถเรียกรสนิยมทางเพศเหล่านั้นว่า BDSM ที่มองเผินๆ อาจเป็นชื่อกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ แต่ไม่ใช่นะ BDSM คือรสนิยมทางเพศรูปแบบหนึ่งที่มีเรื่องราวน่าสนใจ สามารถแบ่งความหมายตามตัวอักษรออกได้ดังนี้
- B – Bondage หมายถึง การเป็นทาส การผูกมัด มีพันธนาการรัดตรึงไว้
- D – Discipline หมายถึง การลงโทษ หรืออาจใช้คำว่า Dominance ที่แปลว่าการปกครองก็ได้
- S – Submission หมายถึง ความคล้อยตาม การยินยอมทำตามคำสั่ง หรือ S ในที่นี้อาจหมายถึงคำว่า Sadism ก็ได้ ซึ่งหมายถึงการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดทรมานแล้วรู้สึกพึงพอใจ
- M – Masochism หมายถึง ความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับความเจ็บปวด
BDSM คือรสนิยมทางเพศรูปแบบหนึ่งที่ต้องใช้การยินยอมกันของทั้งสองฝ่าย โดยระหว่างร่วมรักกันนั้นอาจมีความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้องที่สามารถทำให้คุณเจ็บปวดได้จากอุปกรณ์ หรือการทารุณร่างกายด้วยวิธีหรือรูปแบบบางอย่าง ความสนุกของเซ็กซ์แบบนี้คือความตื่นเต้นที่นอกเหนือจากเซ็กซ์มาตรฐานทั่วไป เพราะเซ็กซ์ในรูปแบบปกติไม่สามารถกระตุ้นหรือตอบสนองความต้องการได้ทั้งหมด โลกของเราจึงมีสิ่งนี้ขึ้นมา อาจเริ่มต้นจากการปิดตาหรือมีอุปกรณ์พิเศษบางอย่างร่วมด้วย เกิดการผูกมัดหรือตบตี ซึ่งล้วนแต่เป็นความพึงพอใจของคู่รัก
ถึงตรงนี้ ขอย้ำว่า BDSM ต้องเกิดขึ้นจากการสมยอมและมีการสื่อสารอย่างเข้าใจตรงกันเท่านั้นนะ! ไม่ใช่จะสุ่มสี่สุ่มห้ามัดคู่นอนไว้กับเตียง หรือหยิบเอาแส้มาตีเขาโดยไม่บอกกล่าวกันก่อน ถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้และไม่ควรเกิดขึ้น ฉะนั้นทางที่ดีควรสื่อสารให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายก่อนลงมือฟาด
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง American Psycho (2000)
พี่ดุมากไป หนูไม่ไหวหรอก
ถ้าคุณพบเจอความดุดันทั้งหลายที่เราเล่าให้ฟังแล้วรู้สึกว่ามากไป ยังมีวิธีการมากมายที่สามารถบอกคู่นอนของคุณได้ เช่น ให้เขาเบาลงหน่อย หรือใช้วิธีครางที่แสดงความรู้สึก ‘ไม่สบายตัว’ เพื่อเป็นสัญญาณให้เขารับรู้ว่าเซ็กซ์ดุๆ ส่งผลกระทบต่อร่างกายได้มากกว่าที่คิด เช่น การเกิดโรคที่เรียกว่า ‘ฮันนีมูน’ (Honeymoon) ที่เขาใช้ชื่อช่วงเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของคู่รักมาตั้งเป็นชื่อโรค ก็เพราะในสมัยก่อนหลังจากที่แต่งงานกันปุ๊บก็จะมีพิธีเข้าหอ ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติที่เคร่งครัดก่อนหน้านั้นคือคุณสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หลังจากแต่งงานแล้วเท่านั้น นี่เองจึงทำให้หลังแต่งงานคู่รักก็จะบรรเลงสวาทกันอย่างเต็มที่ บ่อยๆ หนักๆ หลายๆ ครั้งติดต่อกันทันที จนทำให้อักเสบบริเวณท่อปัสสาวะ ช่องคลอด หรือกระเพาะปัสสาวะหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ทําให้เกิดอาการแสบหรือเจ็บบริเวณท่อปัสสาวะในขณะถ่ายเบา
ส่วนการร่วมรักกันทางทวาร หากรุนแรงมากไปก็อาจเกิดความเจ็บปวดขึ้นได้ เนื่องจากเยื่อบุลำไส้ไม่มีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติเหมือนช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์ทางนี้อาจทำให้ลำไส้ฉีกขาดจนเกิดอันตราย ดังนั้นประโคมเจลเข้าไปให้ลื่นๆ เพื่อความปลอดภัย และที่สำคัญ ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อห่างไกลจากการติดเชื้อโรคด้วย!
ทีนี้หากเราทำตัวเองให้ปลอดภัย ต่อให้ใครมาย้ำอีกทีว่า ‘พี่ดุนะ หนูไหวเหรอ’ ก็ให้รีบตอบเขาไปทันทีว่า ‘หนูไหวพี่’
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: