หลังจาก นางสาวสาวิกา ลิมปะสุวัณณะ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดนครปฐม พบความผิดพลาดในการรวมคะแนนเลือกตั้งของ กกต. จากเดิมที่ กกต. ประกาศให้ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ชนะผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ 147 คะแนน แต่เมื่อนางสาวสาวิกานำคะแนนที่ได้จาก กกต. รายหน่วยมาตรวจสอบใหม่ กลับพบว่าคะแนนของอนาคตใหม่ชนะประชาธิปัตย์ 4 คะแนน ทำให้ กกต. มีมติให้มีการนับคะแนนใหม่ทั้งเขตเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผลคะแนนของเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดนครปฐม ถือเป็นกรณีที่มีปัญหาอย่างมาก โดยมีการแสดงคะแนนเปลี่ยนไปมาถึง 5 ครั้ง ได้แก่
24 มีนาคม กกต. ประกาศให้พรรคอนาคตใหม่แพ้ประชาธิปัตย์ 147 คะแนน ด้วยคะแนน 35,615 ต่อ 35,762
1 สัปดาห์หลังเลือกตั้ง ผู้สมัครอนาคตใหม่ขอคะแนนรายหน่วยจาก กกต. มาตรวจสอบเอง พบว่าพรรคอนาคตใหม่ชนะพรรคประชาธิปัตย์ 4 คะแนน ด้วยคะแนน 35,766 ต่อ 35,762
28 เมษายน พรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัยชนะ ได้คะแนนมากกว่าพรรคอนาคตใหม่ 4 คะแนน ด้วยคะแนน 35,707 ต่อ 35,711
นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี กรรมการ กกต. ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคอนาคตใหม่ชนะพรรคประชาธิปัตย์ 62 คะแนน ด้วยคะแนน 35,707 ต่อ 35,645
29 เมษายน พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. แถลงว่าพรรคอนาคตใหม่แพ้พรรคประชาธิปัตย์ 4 คะแนน 35,707 ต่อ 35,711
คะแนนที่เปลี่ยนไปมาเช่นนี้ทำให้ไม่สามารถหาข้อยุติอันชอบธรรมได้เลยว่าผลการเลือกตั้งครั้งใดถือว่าเป็นครั้งที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ยังเกิดเหตุไฟดับนานถึง 20 วินาทีในระหว่างการนับคะแนน และผู้สังเกตการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ได้ตรวจสอบพบเหตุผิดปกติหลายกรณี มากเกินกว่าจำนวนคะแนนที่พรรคอนาคตใหม่แพ้พรรคประชาธิปัตย์
ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นกรณีปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 ของจังหวัดนครปฐมมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือการนับคะแนนเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง พรรคอนาคตใหม่จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ทั้งเขต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 124 เพื่อให้ได้มาซึ่งผลการเลือกตั้งที่โปร่งใส เป็นธรรม สะท้อนเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์