×

กำลังจะเรียนจบ จะเลือกทำงานที่อยากทำ หรือทำงานที่ดูมีอนาคตดีครับ?

25.04.2019
  • LOADING...
ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • ย้อนไปสมัยเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ในประเทศไทย นักแต่งเพลงยังไม่ได้เป็นอาชีพที่มั่นคงเลยครับ แต่ต่อมากลายเป็นอาชีพที่มั่นคง พี่เคยได้คุยกับนักแต่งยุค 90 หลายคนก็บอกว่าสมัยที่วงการบันเทิงรุ่งเรืองมากๆ การแต่งเพลงฮิตๆ ขายได้เป็นล้านตลับ นี่ทำให้นักแต่งเพลงซื้อบ้านด้วยเงินสดแบบสบายๆ รายได้ก็ดี ผลงานก็เท่ คนก็อยากเป็นนักแต่งเพลงกันทั้งนั้น แต่พอยุคสมัยเปลี่ยน วงการเพลงก็ซบเซา นักร้องออกผลงานกันทีไม่ได้เป็นอัลบั้ม 10 เพลงแล้ว ออกมาทีละซิงเกิล นานๆ จะมีเพลงออกมาที อาชีพนักแต่งเพลงก็ซบเซาไปด้วย และก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อ แต่ละอาชีพมันมีทั้งจุดรุ่งโรจน์และร่วงโรยในแต่ละยุคสมัย มันไม่มีอะไรการันตีได้ว่า ทำอาชีพนี้แล้วจะไปได้ไกลหรืออาชีพไหนจะไปไม่รอด
  • คงเคยได้ยินนะครับว่า “ถ้าเราทำงานที่เรารัก เราจะไม่รู้สึกว่าตัวเองทำงานอยู่ตลอดเวลา” น้องเอ๋ย พี่จะเอาความจริงมาพูด ต่อให้รักแค่ไหน มันก็มีมุมที่เราเบื่อหน่าย มีอุปสรรค มีความเจ็บปวด มีฝันร้าย มีความผิดหวัง ไม่ได้แปลว่า ทำงานที่เราชอบแล้วโลกนี้จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา พี่รักการเขียนนะ และรู้ว่าตัวเองเกิดมาเป็นนักเขียน แต่มันก็มีบางครั้งที่พี่รู้สึกว่า เหนื่อยมากเลย แต่ต้องถีบตัวเองให้เขียนต้นฉบับส่งให้ได้ ต่อให้เป็นงานที่เรารัก มันก็ทั้งด้านดีและร้ายที่เราต้องโอบกอดรับมันไว้ทั้งคู่ เอาแต่ด้านดีอย่างเดียวไม่ได้หรอกครับ
  • งานนี้ไม่มีอนาคต มักจะไปเอาคำว่า ‘อนาคต’ ผูกกับเรื่องที่ว่างานนี้ให้ ‘เงิน’ เราได้มากน้อยแค่ไหน เลี้ยงชีพเราได้มากแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วชีวิตมันไม่ได้มีแต่เงินด้านเดียว งานที่มีอนาคตคือ งานที่ทำให้เราเติบโตได้ จะเติบโตทางฐานะ ทางจิตวิญญาณ ทางวุฒิภาวะ ทางกายภาพ ทางสังคม ฯลฯ จะด้านใดก็แล้วแต่ที่ทำให้ตัวเราในอนาคตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้จากตัวเราในปัจจุบัน นั่นแหละครับงานที่มีอนาคต

Q: พี่ครับผมกำลังจะเรียนจบ ผมควรเลือกทำงานที่ตัวเองอยากทำ ที่ยังไม่รู้ว่าจะมีอนาคตไหม หรือทำงานที่ให้เงินดีและดูมีอนาคตครับ

 

A: คำถามที่น้องถามนี้ไม่ใช่มีแค่น้องจบใหม่ที่กำลังมีคำถาม แต่คนทำงานมาแล้วหลายปีก็มีคำถามนี้เหมือนกันครับ

 

สิ่งที่พี่อยากจะบอกก็คือ ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกครับว่าอันไหนเวิร์กไม่เวิร์ก ไม่มีสูตรสำเร็จ ต่อให้วันนี้เลือกทำงานที่ตัวเองชอบ แต่ยังดูไม่ออกว่าจะมีอนาคตไหม ก็ไม่ได้มีอะไรบอกว่ามันจะไม่สามารถเติบโตได้ สิ่งที่น้องทำอาจจะเวิร์กหรือไม่เวิร์กก็ได้ทั้งนั้น เช่นเดียวกัน เลือกทำงานที่ให้เงินดี๊ดีและก็ดูมีอนาคตตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาการันตีเราได้เหมือนกันว่าต่อไปมันจะมีอนาคต มันอาจจะเวิร์กหรือไม่เวิร์กก็ได้เหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องอนาคต

 

ย้อนไปสมัยเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ในประเทศไทย นักแต่งเพลงยังไม่ได้เป็นอาชีพที่มั่นคงเลยครับ แต่ต่อมากลายเป็นอาชีพที่มั่นคง พี่เคยได้คุยกับนักแต่งยุค 90 หลายคนก็บอกว่า สมัยที่วงการบันเทิงรุ่งเรืองมากๆ การแต่งเพลงฮิตๆ ขายได้เป็นล้านตลับนี่ทำให้นักแต่งเพลงซื้อบ้านด้วยเงินสดแบบสบายๆ รายได้ก็ดี ผลงานก็เท่ คนก็อยากเป็นนักแต่งเพลงกันทั้งนั้น บอกใครว่าเป็นนักแต่งเพลงนี่โคตรเท่เลยครับ แต่พอยุคสมัยเปลี่ยน จะมาขายเพลงได้เป็นล้านตลับแบบเดิมคงไม่มีทางแล้ว วงการเพลงก็ซบเซา นักร้องออกผลงานกันทีไม่ได้เป็นอัลบั้ม 10 เพลงแล้ว ออกมาทีละซิงเกิล นานๆ จะมีเพลงออกมาที รายได้ของนักแต่งเพลงก็น้อยลงแล้ว อาชีพนักแต่งเพลงก็ซบเซาไปด้วย และก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อ

 

ไม่ใช่อาชีพนักแต่งเพลงอย่างเดียวนะครับ สมัยก่อนไม่มีใครนึกหรอกครับว่าอาชีพเชฟจะรุ่งเรืองได้ ทุกวันนี้มีแต่คนอยากเป็นเชฟ เส้นทางอาชีพก็มั่นคง เท่ก็เท่ ทำอะไรได้ตั้งเยอะ นางงามก็เหมือนกันครับ สมัยก่อนคนมองอาชีพนี้ว่าไม่ได้เป็นอาชีพ บางทีก็ดูถูกด้วยซ้ำว่าสวยอย่างเดียว แต่มาวันนี้นางงามเป็นอาชีพได้ นางงามไม่ได้สวยอย่างเดียว ต้องฉลาดรอบรู้ด้วย ไหวพริบก็ต้องมี สติก็ต้องมาท่ามกลางความกดดัน (ทำไมมันยากแบบนี้เนี่ย!) คนก็มองอาชีพนางงามว่ามีอนาคต โตไปอยากเป็นแบบมารีญากับ แคทรีโอนา เกรย์ กันหมด สมัยก่อนคนเรียนเก่งต้องไปเป็นหมอ เป็นวิศวกรกันหมด ชอบไม่ชอบไม่รู้แหละ ทุกวันนี้อาชีพมันมีเยอะมากกว่าเดิมให้คนเลือกทำมากไปกว่าเป็นหมอ เป็นวิศวกร สมัยก่อนพ่อแม่เคี่ยวเข็ญให้ลูกเป็นหมอ เพราะมั่นคง เป็นหน้าตาของครอบครัว สมัยนี้พ่อแม่บางคนยังบอกเลยครับว่า เป็นหมอมันเครียดมากนะลูก อดหลับอดนอนอีก สุขภาพไม่ดี ถ้าไม่ได้อยากเป็นจริง หนูไม่ต้องเป็นก็ได้นะลูก ฮ่าๆ โลกมันเปลี่ยนไปนะครับ   

 

เห็นไหมครับว่า แต่ละอาชีพมันมีทั้งจุดรุ่งโรจน์และร่วงโรยในแต่ละยุคสมัย มันไม่มีอะไรการันตีได้ว่า ทำอาชีพนี้แล้วจะไปได้ไกลหรืออาชีพไหนจะไปไม่รอด

 

สิ่งที่พี่อยากบอกก็คือ ต่อให้เราทำงานที่เรารักเหลือเกิน น้องคงเคยได้ยินนะครับว่า “ถ้าเราทำงานที่เรารัก เราจะไม่รู้สึกว่าตัวเองทำงานอยู่ตลอดเวลา” น้องเอ๋ย พี่จะเอาความจริงมาพูด ต่อให้รักแค่ไหน มันก็มีมุมที่เราเบื่อหน่าย มีอุปสรรค มีความเจ็บปวด มีฝันร้าย มีความผิดหวัง ไม่ได้แปลว่า ทำงานที่เราชอบแล้วโลกนี้จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา พี่รักการเขียนนะ และรู้ว่าตัวเองเกิดมาเป็นนักเขียน แต่มันก็มีบางครั้งที่พี่รู้สึกว่า เหนื่อยมากเลย แต่ต้องถีบตัวเองให้เขียนต้นฉบับส่งให้ได้ หรือบางทีไปเที่ยวสนุกๆ อยู่ ก็ต้องจัดการตัวเองให้เขียนต้นฉบับส่งให้ได้ เคยมีช่วงชีวิตที่ตั้งใจเขียนหนังสือมากเลยนะ แต่หนังสือขายไม่ออกว่ะ ฮ่าๆ เพราะฉะนั้นพี่คิดว่าต่อให้เป็นงานที่เรารัก มันก็มีทั้งด้านดีและร้ายที่เราต้องโอบกอดรับมันไว้ทั้งคู่ เราต้องรักด้านดีและอยู่กับด้านไม่ดีของอาชีพนั้นให้ได้ เอาแต่ด้านดีอย่างเดียวไม่ได้หรอกครับ

 

เวลาที่คนบอกว่า งานนี้ไม่มีอนาคต มักจะไปเอาคำว่า ‘อนาคต’ ผูกกับเรื่องที่ว่างานนี้ให้ ‘เงิน’ เราได้มากน้อยแค่ไหน เลี้ยงชีพเราได้มากแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วชีวิตมันไม่ได้มีแต่เงินด้านเดียว และการเลี้ยงชีพของคนเราไม่ได้เลี้ยงด้วยเงินอย่างเดียว แล้วเรื่องเงินเดือนสำหรับเด็กจบใหม่ พี่อยากให้น้องท่องไว้ในใจว่า เราจะไม่ได้เงินเดือนเท่านี้ตลอดชีวิตหรอก เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปเอาเป็นเอาตายกับมันมาก ได้เท่าไรอยู่ให้ได้ในเงินเดือนเท่านั้นก็น่าภูมิใจแล้ว ไม่ได้ไปลำบากขอเงินพ่อแม่มาก็เจ๋งแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วเราต้องดูแลตัวเองได้ ถ้ามีความสามารถเดี๋ยวลู่ทางมันมาเอง อยากได้เงินเพิ่มก็ประหยัดมากขึ้น หารายได้ทางอื่นมาเสริม และหาทางบริหารให้เราอยู่ได้

 

สำหรับพี่ งานที่มีอนาคตคืองานที่ทำให้เราเติบโตได้ จะเติบโตทางฐานะ ทางจิตวิญญาณ ทางวุฒิภาวะ ทางกายภาพ ทางสังคม ฯลฯ จะด้านใดก็แล้วแต่ที่ทำให้ตัวเราในอนาคตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้จากตัวเราในปัจจุบัน นั่นแหละครับงานที่มีอนาคต และเราจะบอกได้ว่างานไหนมีอนาคตได้ก็ต่อเมื่อเราทำงานนั้นมาได้จนสามารถมองย้อนไปยังอดีตได้ว่าเราเติบโตขึ้นจากงานนี้แค่ไหน เมื่อนั้นแหละเราถึงจะบอกได้ว่ามันเป็นงานที่มีอนาคตไหม นั่นแปลว่า เราบอกไม่ได้หรอกครับว่างานไหนมีอนาคตไหมจากปัจจุบัน แต่บอกได้ในอนาคต ซึ่งประเด็นคือมันก็ไม่ใช่ตอนนี้ไง

 

เราทำงานที่เรารักให้เป็นงานที่มีอนาคตได้ เช่นเดียวกัน เราทำงานที่สร้างความมั่นคงให้เราได้ และก็รักมันไปด้วยได้เหมือนกัน มันไม่จำเป็นต้องเลือกด้านใดด้านหนึ่งแล้วต้องทิ้งอีกด้าน ทำมันให้ดี สนุกกับมัน อยู่กับมันให้ได้ ที่สำคัญคือ รู้จักอดทนรอที่จะเห็นการงอกงามของสิ่งที่เราทำอยู่ให้ได้

 

โลกยุคนี้น้องไม่จำเป็นต้องทำงานใดงานเดียวแล้วครับ น้องสามารถทำได้หลายงานพร้อมกัน งานงานเดียวมันไม่สามารถตอบโจทย์เราได้ทั้งหมด น้องจะทำกี่งานก็ได้หมดแหละครับ เอาว่าน้องมี 24 ชั่วโมงเท่ากับทุกคน อยู่ที่ตัวน้องเองจะบริหาร

 

พี่ตอบไม่ได้หรอกครับว่าทำแบบไหนแล้วเวิร์กกว่ากัน แต่ถ้าจะแนะนำ พี่อยากแนะนำให้น้องลองมันให้หมด เพราะตอนนี้น้องยังไม่ได้ลองเลย งานที่เราชอบก็อาจจะเป็นงานที่มีอนาคตได้ หรือตอนนี้เราชอบงานนี้นะ แต่ทำๆ ไปค้นพบว่า ไม่ได้ชอบแล้ว ก็เป็นไปได้ หรืองานนั้นไม่ได้คิดว่าจะชอบมาก แต่ทำไปกลับชอบมันมากขึ้นก็ได้ มันเป็นไปได้หมดครับ

 

แต่สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร น้องได้บทเรียนหมด น้องได้ประสบการณ์หมด ไม่มีหรอกครับคำว่าเลือกผิด มีแต่คำว่าได้บทเรียน จะเป็นบทเรียนเรื่องไหนก็อีกเรื่อง แต่จำไว้ว่าทุกบทเรียนมีคุณค่า

 

ยินดีต้อนรับผู้ใหญ่คนใหม่ด้วยครับ

 

ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

 

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X